วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

news20



Dell เตรียมวางจำหน่าย Streak แท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ขนาด 5 นิ้ว ที่มาพร้อมช่องใส่เมมโมรีการ์ดในเดือนหน้า (มิ.ย. 53) มั่นใจ Streak ขึ้นแท่นคู่แข่งเบอร์หนึ่งของ iPad จากแอปเปิลแน่นอน ด้วยหน้าจอขนาด 5 นิ้วทำให้ Streak ดูเหมือนเป็นอุปกรณ์ลูกผสมระหว่างโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ โดยจะมีกล้องตัวหน้าสำหรับทำวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (Video conference) หรือวิดีอคอลล์ ซึ่งเดลล์คาดว่านี่จะเป็นฟีเจอร์หลักที่ช่วยให้ Streak สามารถแข่งขันกับ iPad ได้เข้มข้นยิ่งขึ้น
Streak มีหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด 800x480 พิกเซล ใช้ซีพียู Snapdragon ความเร็ว 1GHz มีกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซลพร้อม แฟลช LED และรอรับการเชื่อมต่อ 3G, ไวไฟ และบลูทูธ 2.1

Streak นั้นมีกำหนดการเปิดตัวในประเทศอังกฤษช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้ ผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ O2 และผู้ค้าปลีกอย่าง Carphone Warehouse โดยในขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยราคาวางจำหน่ายที่แน่ชัด
เดลล์ถือเป็นผู้ผลิตรายแรกที่ส่งคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตตระกูลแอนดรอยด์ มาต่อสู้กับ iPad ได้ก่อนใคร โดยStreak จะทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 2.0 และเดลล์ยืนยันว่าจะสามารถอัปเกรดเป็น Android 2.2 ได้ในอนาคต
สำหรับการเปิดตัว Streak นั้น นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายธุรกิจอุปกรณ์พกพาที่จะช่วยเพิ่มยอดรายรับรวมให้ เดลล์ หลังจากที่เดลล์ต้องตกอันดับเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกเมื่อไม่นานมานี้

อย่างไรก็ตาม Will Stofega นักวิเคราะห์ของ IDC นั้นเชื่อว่า Streak จะสามารถขายได้ถึงล้านเครื่องในเวลาไม่นานเนื่องจากยอดสั่งจองที่คึกคัก แม้จะไม่มั่นใจว่าแอนดรอยด์จะสามารถต่อกรกับแพลตฟอร์มไอโฟนในตลาด คอมพิวเตอร์พกพาได้หรือไม่

“มันเป็นคอมพิวเตอร์แบบพกพา และโทรศัพท์มือถือ คุณสามารถใส่มันลงไปในกระเป๋าได้อย่างสบาย นอกจากนี้มันยังมีความน่าสนใจ และมีลูกเล่นมากมาย ในขณะนี้แอนดรอยด์ถือเป็นคู่แข่ง คนสำคัญของไอโฟนในตลาดสมาร์ทโฟนก็จริง แต่ในตลาดคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตนั้นเรายังไม่สามารถพูดได้เช่นนั้น”

เช่นเดียวกับ Charles Golvin นักวิเคราะห์จาก Forrester ที่เชื่อว่า Streak จะสามารถแข่งขันไอแพดได้ เนื่องจากเดลล์มีประสบการณ์ในการผลิตคอมพิวเตอร์มาเป็นเวลานาน เพียงแต่ยังขาดความเชี่ยวชาญในการผลิตซอฟต์แวร์สำหรับ
ก่อนหน้านี้ Stephen Felice ผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ของเดลล์ เคยกล่าวในงาน Global Technology ที่เมืองซานฟานซิสโก เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ถึงแม้ Streak จะเป็นที่สนใจในตลาดคอมซูมเมอร์ แต่เป้าหมายสำคัญในการผลิตคอมพิวเตอร์ของเดลล์ก็ยังเป็นการผลิตคอมพิวเตอร์ สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ คำกล่าวนี้แปลว่าเดลล์ตั้งใจออกแบบ Streak มาเพื่อการทำงานของนักธุรกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการปฏิวัติรูปแบบการทำงานนอกออฟฟิศในอนาคตของนักธุรกิจ ทั่วโลก

news19



แอปเปิ้ล? เปิดตัวระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ล่าสุด Mac OS? X v10.6 Snow Leopard? ที่พร้อมจำหน่าย ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการและผ่านทางร้านค้าออนไลน์ของแอปเปิ้ล โดย Snow Leopard นั้นถูกพัฒนาขึ้นบนเทคโนโลยีที่มีรากฐานที่น่าเชื่อถือนับทศวรรษอย่าง OS X และได้รับการปรับแต่งให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นในหลายร้อยจุด เสริมด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และรองรับการทำงานร่วมกับ Microsoft Exchange ได้อย่างดี โดยผู้ใช้สามารถอัพเกรดจาก Mac OS X Leopard มาเป็น Snow Leopard? ได้ในราคาเพียง 1,190 บาทเท่านั้น



?Snow Leopard พัฒนาโดยต่อยอดจากระบบปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเรา และเราก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถนำเสนอ Snow Leopard ให้ผู้ใช้ได้เร็วกว่ากำหนดการที่เราคาดเอาไว้? เบอร์แทรนด์ เซอร์เล็ท รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของแอปเปิ้ล กล่าว ?ด้วยราคาในการอัพเกรดเพียง 1,190 บาท ผู้ใช้ Leopard จะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีชั้นสูงบนระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ และเป็นระบบที่รองรับการทำงานร่วมกับ Exchange ได้?

ในการพัฒนา Snow Leopard นั้น วิศวกรของแอปเปิ้ลได้ปรับปรุงส่วนต่างๆ บน Mac OS X รวมแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนโปรเจ็กต์ทั้งหมดนับพันรายการ ทำให้ผู้ใช้จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ทั้งใน Finder? ที่ค้นหาได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม โดยสามารถเปิดข้อความในเมลได้เร็วขึ้นสองเท่า* Time Machine? ที่สามารถสำรองข้อมูลครั้งแรกได้เร็วขึ้นสูงสุดถึง 80 เปอร์เซ็นต์ * และให้การทำงานรูปแบบใหม่ร่วมกันระหว่าง Dock และ Expose? มี QuickTime? X โฉมใหม่ที่ให้ความสะดวกมากกว่าในการชม บันทึก ตัดต่อ และแชร์วิดีโอ อีกทั้งบราวเซอร์ Safari? 4 เวอร์ชัน 64-บิต สามารถทำงานได้เร็วขึ้นกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ** และยังสามารถป้องกันระบบไม่ให้ได้รับผลกระทบจากปลั๊กอินที่มีปัญหา ที่สำคัญ Snow Leopard นั้นมีขนาดเพียงครึ่งเดียวของระบบปฏิบัติการเวอร์ชันก่อนหน้านี้ ช่วยประหยัดพื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ลงไปได้มากถึง 7 กิกะไบต์ในทันทีที่ติดตั้ง

ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่แอพพลิเคชันระบบ ไม่ว่าจะเป็น Finder, Mail, iCal?, iChat? และ Safari ได้ถูกแปลงโค้ดโปรแกรมให้กลายเป็นแบบ 64-บิต และด้วยคุณสมบัติของ Snow Leopard ในการรองรับโพรเซสเซอร์แบบ 64-บิต ทำให้สามารถทำงานร่วมกับหน่วยความจำประเภทแรมที่ใหญ่ขึ้น ให้สมรรถนะที่ดีขึ้น และมีความปลอดภัยมากขึ้น ในขณะที่ยังคงรองรับแอพพลิเคชันแบบ 32-บิต ได้อย่างไม่มีปัญหา นอกจากนี้ยังมีการนำ Grand Central Dispatch (GCD) มาใช้เพื่อนำเสนอแนวทางใหม่ให้แก่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ในการเขียนแอพพลิเคชัน เพื่อดึงประโยชน์จากโพรเซสเซอร์แบบมัลติคอร์ออกมาให้ได้เต็มที่ รวมไปถึงการรองรับ OpenCL ซึ่งเป็นระบบมาตรฐานเปิด ที่ทำให้นักพัฒนาโปรแกรมสามารถใช้พลังของหน่วยประมวลผลกราฟิกที่มีอยู่ได้ อย่างคุ้มค่าเพื่อรองรับการประมวลผลอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากเรื่องของกราฟิก
Snow Leopard นั้นถือเป็นระบบปฏิบัติการบนเดสก์ทอปรุ่นเดียวที่รองรับการทำงานร่วมกับ Microsoft Exchange Server 2007 และให้ความสะดวกในการใช้ Mac OS X Mail, Address Book และ iCal ในการส่งและรับอีเมล์ สร้างหรือตอบรับการเชิญประชุมผ่านระบบออนไลน์ รวมไปถึงการค้นหาและจัดการรายชื่อบนสมุดรายชื่อกลางของระบบ และด้วยความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่าง Exchange กับ Snow Leopard ทำให้ผู้ใช้ยังจะได้รับประโยชน์จากคุณสมบัติเฉพาะบน OS X ทั้งการค้นหาอย่างรวดเร็วผ่าน Spotlight? และการพรีวิวผ่าน Quick Look เป็นต้น

Mac OS X Server Snow Leopard ระบบปฏิบัติระดับเซิร์ฟเวอร์ที่ง่ายต่อการใช้งาน พร้อมวางจำหน่ายเช่นเดียวกันในวันพุธที่ 2 กันยายน 2552 โดย Snow Leopard Server มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ Podcast Producer 2 และ Mobile Access Server ด้วยราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมคือ 18,990 บาท โดยไม่จำกัดจำนวนไลเซนส์เครื่องลูกข่ายที่เชื่อมต่อใช้งานกับเซิร์ฟเวอร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและความต้องการของระบบสำหรับ Snow Leopard Server สามารถเรียกดูได้จาก www.apple.com/server/macosx/

ราคาและกำหนดการจำหน่าย
Mac OS X เวอร์ชัน 10.6 Snow Leopard พร้อมเปิดให้ผู้ใช้อัพเกรดระบบจาก Mac OS X เวอร์ชัน 10.5 Leopard ได้ในวันที่ 2 กันยายน ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแอปเปิ้ล และเปิดให้สั่งซื้อได้ผ่านทางเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ของแอปเปิ้ลแล้ววันนี้ (http://store.apple.com/th) โดย Snow Leopard สำหรับหนึ่งไลเซนส์การใช้งานสนนราคาที่ 1,190 บาท และ Snow Leopard Family Pack สำหรับการใช้งานในหนึ่งครอบครัว สูงสุด 5 ไลเซนส์การใช้งาน สนนราคาที่ 1,990 บาท สำหรับผู้ใช้ Tiger? ที่เป็น Mac? ซึ่งใช้โพรเซสเซอร์ตระกูลอินเทล สามารถเลือกซื้อชุด Mac Box Set ที่มาพร้อมด้วย Mac OS X Snow Leopard, iLife? ?09 และ iWork? ?09 พร้อมจำหน่ายในราคา 6,590 บาท และชุด Family Pack ที่ราคา 8,990 บาท

สำหรับลูกค้าที่ซื้อแมคเครื่องใหม่จากแอปเปิ้ลหรือจากตัวแทน จำหน่ายของแอปเปิ้ล ระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน 2552 จนถึงวันที่ 26 ธันวาคม 2552 จะได้รับแพคเกจที่อัพเดทใหม่สำหรับ Mac OS X Snow Leopard Up-to-Date โดยมีค่าจัดส่งและจัดการ 390 บาท โดยผู้ใช้ต้องยื่นขอสิทธิ์อัพเกรดแพคเกจดังกล่าว ภายในเวลา 90 วัน นับจากวันที่ซื้อสินค้า และต้องไม่เกินวันที่ 26 ธันวาคม 2552 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเรียกดูได้ที่ http://www.apple.com/asia/macosx/uptodate/ ทั้งนี้ Snow Leopard มีความต้องการหน่วยความจำขั้นต่ำ 1 กิกะไบต์ และออกแบบมาให้ทำงานบนคอมพิวเตอร์แมคที่ใช้โพรเซสเซอร์จากอินเทล สำหรับรายละเอียดความต้องการของระบบทั้งหมด สามารถเรียกดูได้ที่ www.apple.com/macosx/specs.html

* ทดสอบโดยแอปเปิ้ลในเดือนสิงหาคม 2552 เปรียบเทียบ Mac OS X v10.6 Snow Leopard รุ่นก่อนวางจำหน่าย กับ Mac OS X v10.5.8 Leopard บน MacBook 2.0 GHz และ iMac 2.66 GHz ซึ่งทั้งสองเครื่องมีหน่วยความจำ 2 กิกะไบต์ ทั้งนี้สมรรถนะที่ได้อาจแตกต่างไปตามรูปแบบการตั้งค่าของระบบ ระบบเครือข่าย ขนาดของไฟล์ ชุดของข้อมูล และปัจจัยอื่นๆ

** ทดสอบโดยแอปเปิ้ลในเดือนสิงหาคม 2552 เปรียบเทียบ Safari 4 แบบ 64 บิต กับ Safari 4 แบบ 32 บิต บนระบบปฏิบัติการ Mac OS X v10.6 Snow Leopard รุ่นก่อนวางจำหน่าย ที่ทำงานบนเครื่อง MacBook 2.0 GHz และ iMac 2.66 GHz ซึ่งทั้งสองเครื่องมีหน่วยความจำ 2 กิกะไบต์ สำหรับการทดสอบ JavaScript นั้นเป็นไปตามรูปแบบการทดสอบ SunSpider Performance Test ทั้งนี้สมรรถนะที่ได้อาจแตกต่างไปตามรูปแบบการตั้งค่าของระบบ ระบบเครือข่าย ขนาดของไฟล์ ชุดของข้อมูล และปัจจัยอื่นๆ

แอปเปิ้ล จุดประกายการปฏิวัติให้กับวงการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในทศวรรษ 1970 ด้วย Apple II พร้อมกับได้คิดค้นและพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรูปแบบใหม่จนกลายเป็น Macintosh ในทศวรรษ 1980 และวันนี้แอปเปิ้ลยังคงเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในด้านการสร้างสรร ที่ยืนยันด้วยรางวัลทั้งสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ ระบบปฏิบัติการ OS X และ iLife รวมไปถึงแอพพลิเคชันระดับมืออาชีพอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ แอปเปิ้ล ยังได้พลิกโฉมวงการดิจิตอลมีเดียด้วยเครื่องเล่นเพลงและวิดีโอแบบพกพาอย่าง iPod และร้านค้าออนไลน์ iTunes อีกทั้งยังสร้างสรรนวัตกรรมใหม่แห่งวงการโทรศัพท์มือถือด้วยการนำเสนอ iPhone สู่ตลาด

news18



มั่น ใจครอบคลุมทุกความต้องการ ทั้งหน้าจอระบบสัมผัส ดูทีวี ฟังเพลง เชื่อมต่อ WAP/GPRS พร้อมรองรับได้ถึง 2 ซิม ด้วยราคาไม่ถึง 5 พันบาท…
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท โมเดิร์นเทคโนโลยีโมบาย จำกัด ผู้นำเข้าโทรศัพท์มือถือแบรนด์เอ็มทีเอ็ม (MTM) ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุด T3 ด้วยคุณสมบัติครบถ้วน พร้อมรองรับทุกการใช้งาน ภายใต้การออกแบบอย่างลงตัว สามารถปรับเปลี่ยนฝาหลังได้ 2 แบบ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์รุ่นดังกล่าวยังรองรับการทำงานแบบ 2 ซิมการ์ด พร้อมหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 3.0 นิ้ว สามารถรับสัญญาณโทรทัศน์ช่องฟรีทีวี อาทิ? 3 , 5 , 7 , MCOT, สสท , ทีวีไทย ฯลฯ ขณะเดียวกัน ยังสามารถใช้เป็น Webcam ได้อีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่น T3 ยังสามารถรองรับ MP3 , MP4 , 3GP , วิทยุ FM Radio และยังสามารถใช้บันทึกภาพและเสียง ด้วยระบบเสียงชัดเจน พร้อมเชื่อมต่อ WAP , GPRS class 10 , E-book และยังสามารถส่ง SMS หรือ MMS ได้อย่างสะดวก ผ่านหน่วยบันทึกความจำแบบ micro SD ในราคาเพียง 4,590 บาท ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2294-5588

news17



InPulse Bluetooth companion watch เป็นอุปกรณ์เสิรมความสามารถในการทำงานให้กับมือถือ โดยทำหน้าที่เหมือนหน้าจอขนาดเล็กที่ผูกติดข้อมือ เพื่อถ่ายทอดการทำงานของ Blackberry อีกทีหนึ่ง มันไม่สามารถใช้รับสาย โทรออก หรือพิมพ์ข้อความได้ หน้าที่ของมันจริงๆ คือ แจ้งให้ทราบเมื่อใดก็ตามที่มือถือ Blackberry ของคุณมีสายเรียกเข้ามา แสดงข้อความ SMS ที่ได้รับ ตลอดจนข่าวสารจากระบบฟีด RSS หรือที่แชร์กันในกลุ่มเพื่อนอย่าง twitter?อย่างไรก็ตาม มันสามารถแสดงเวลาแบบนาฬิกาทั่วไปได้ด้วย ในส่วนของคุณสมบัติต่างๆ ของเครื่องมีดังนี้backberry clock all
•หน้าจอ OLED ที่มีความสว่างสดใสขนาด 1.3 นิ้ว
•บลูทูธ เวอร์ชัน 2.0+EDR
•แบตเตอรี่ลิเธียมอิออน 150 mAh
•เลนส์แก้วบนตัวถังทีทำจากโลหะ
•มอเตอร์ลูกเบี้ยวที่อยู่ภายในจะสั่นเมื่อเวลามีข้อความ หรือสายเรียกเข้า
•ชาร์จแบตฯผ่าน micro-USB
•อัพเดตเฟิร์มแวร์ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับสายเคเบิ้ลใดๆ (OTA)
•ขนาดตัวเรือน: 51 มม. x 38 มม. x 12 มม.
???????? InPulse Bluetooth companion watch?จะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นาน 4 วันต่อการชาร์จแบตฯ หนึ่งครั้ง?โดยมันสามารถสื่อสารกับมือถือแบล็คเบอรี่ทำงานด้วย OS 4.3 ขึ้นไป ด้วยราคา 150 เหรียญฯ หรือประมาณ 5,000 บาท??สำหรับผู้สนใจสามารถสั่งจองล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์ getinpulse

news16



มาแล้วคับ Panda Internet Security 2010 เปิดให้เพื่อนๆ ได้ใช้ฟรีถึง 3 เดือน Antivius ตัวนี้จะทำให้เพื่อนๆที่ท่องอินเตอร์เน็ตอย่างสบายใจและปลอดภัยจาก ไวรัส สปายแวร์ แฮกเกอร์และยังช่วยปกป้องข้อมูลและคอมพิวเตอร์ของเพื่อนๆ ให้มีความปลอดภัย
antivius ตัวนี้สามารถรองรับ windows vista อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อนๆสามารถดาวน์โหลดมาใช้แบบฟรีๆได้ที่ pandasecurity

news15



ไม่น่าเชื่อว่า MSI บริษัทผู้ผลิตโน้ตบุ๊คชั้นนำจะหันมาทำแก็ดเจ็ตอย่าง MSI M800 ซึ่งไม่ใช่โน้ตบุ๊ก หรือแท็บเล็ต แต่มันกลับเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่น สไตล์ iRobot หรือ Roomba ที่คุณผู้อ่านอาจจะเคยผ่านตามกันมาบ้างก่อนหน้านี้ แต่การที่บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำลงมาเล่นแบบนี้ แก็ดเจ็ตที่ได้คงต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่
MSI เปิดตัว MSI M800 หุ่นยนต์ดูดฝุ่น (robotic vacuum) ที่สามารถทำความสะอาดพื้นห้องของคุณได้โดยอัตโนมัติ โดยมาพร้อมกับระบบดูดฝุ่นที่ทรงพลังที่ทำงานร่วมกับแขนกวาดที่สามารถปัดฝุน เข้าไปในช่องดูดตรงกลางได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ นอกจากนี้มันยังมีเซ็นเซอร์ตรวจับสิ่งกีดขวางด้วยคลื่นเสียง (sonic sensors) ทำให้ไม่ต้องกังวลว่ามันจะวิ่งไปชนสิ่งกีดขวาง และเมื่อแบตฯหมด มันก็จะวิ่งเข้าไปชาร์จที่แท่นเอง
MSI M800 จะวางตลาดเมื่อไรยังไม่มีกำหนดแน่ชัด แต่มันมาพร้อมกันอีก 2 รุ่น โดยรุ่น R-1300 จะมีเว็บแคมที่สามารถสอดส่องการทำความสะอาดของมันผ่านคอมพิวเตอร์ได้ หรือจะใช้เป็นหุ่นยนต์เฝ้าบ้านก็ได้ ส่วน R-500 จะมีดีไซน์ที่บางกว่าเดิม แต่จะไม่มีโซนิคเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง และระบบชาร์จตัวเองเหมือนรุ่นอื่นๆ สนนราคาของ MSI M800 จะอยู่ที 400 เหรียญฯ หรือประมาณ 13,000 บาท

news14



ข่าวไอที : และแล้วก็ได้เวลาชำแหละ iPhone 4 กันอีกแล้ว โดยทีมงานเจ้าเดิมนั่นก็คือ iFixit ซึ่งทางบริษัทได้ทำการแยกชิ้นส่วน iPhone 4 เพื่อให้เห็นไส้ในกันจะๆ ว่ามันมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง จะใช่สิ่งที่เราเคยได้ยินกันมา หรือเปล่า คำตอบอยู่ในย่อหน้าถัดไปแล้ว
iPhone 4 ถูกแยกชิ้นส่วนโดย iFixit แล้ว ซึ่งทำให้สามารถยืนยันได้ว่า iPhone 4 มาพร้อมกับหน่วยความจำ (RAM) 512MB (2 เท่าของ iPhone 3GS และ iPad) และรูปแบบการเชื่อมต่อแบตเตอรี่แบบใหม่ ตลอดจนเผยให้เห็นถึงฮาร์ดแวร์ในส่วนที่เป็น accelerometer และ Gyroscope คราวนี้มาดูข้อสรุปโดยย่อจาก iFixit กันดีกว่า
แบตเตอรี่: พื้นที่ ช่องว่างภายใน iPhone 4 ส่วนใหญ่จะถูกครอบครองโดยแบตเตอรี่ Li-Polymer ทีมีแรงดัน 3.7 โวลต์ 1420 mAh ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ iPhone 4 ในการสนทนา หรือต่อเน็ต 3G ได้นานถึง 7 ชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้นเป็น 14 ชั่วโมงสำหรับ 2G ส่วนเสาอากาศซ่อนอยู่ในด้านหลังของตัวถังเครื่อง
กล้อง: iFixit ได้เปิดเผยให้เห็นว่า กล้องด้านหลัง 5 ล้านพิกเซลที่สามารถบันทึกวิดีโอไฮเดฟฯ 720p ที่ 30 เฟรมต่อวินาที หน้าจอสามารถแตะเพื่อโฟกัสบริเวณที่ต้องการได้ พร้อมด้วยแฟลช LED (อัพเกรดจากกล้อง 3.2 ล้านพิกเซลที่พบใน iPhone 3GS )
โพรเซสเซอร์ A4: iPhone 4 ใช้โพรเซสเซอร์ ARM Cortex A8 ความเร็ว 1GHz เหมือน iPad

หน่วยความจำ: iFixit ยืนยันว่า iPhone 4 มีหน่วยความจำ 512MB ซึ่งมากกว่า ipad และ iPhone 3GS เป็นเท่าตัว

Accelerometer/Gyroscope เซ็นเซอร์ตรวจจับการเปลี่ยนแปลง ของความเร็วแบบ 3 แกน BG7AX STMicro 33DH ขนาด 3mm x 3mm และมี AGD1 ไจโรสโคป 3 แกน ออกแบบและผลิตสำหรับใช้ใน iPhone 4 โดย STM

news13



ข่าวไอที ทันทีที่ไมโครซอฟท์ (Microsoft) นำเสนอ Technical Preview สำหรับ Windows Phone 7 ไปเมื่อต้นสัปดาห์ ล่าสุดทางบริษํทยังคงเดินเกมรุกหนักกับโอเอสสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ด้วยการแจกฟรี Windows Phone 7 กับพนักงานทั่วโลกร่วม 90,000 คน โดยเฉพาะพนักงานในแผนกขาย และประชาสัมพันธ์ที่มีหน้าที่ต้องติดต่อกับคู่ค้า และสื่อนอกบริษัท นับเป็นก้าวที่กล้าและน่าสนใจมากๆ สำหรับการตัดสินใจทุ่มทุนในครั้งนี้
ความจริง พนักงานในไมโครซอฟท์หลายพันรายได้ใช้ Windows Phone กันแล้วก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้ใช้เป็นประจำ เป้าหมายของการทุ่มทุนครังนี้ก็เพื่อสร้างกระแสของ Windows Phone ให้เกิดขึ้นกับคนภายในบริษัทก่อน เนื่องจากก่อนหนานี้มีรายงานว่า พนักงานหลายคนใช้ iPhone ของ Apple คู่แข่งหมายเลขหนึ่งของบริษัท
อย่าง ไรก็ตาม หากย้อนกลับไปในปี 2007 เมื่อครั้งที่ iPhone เปิดตัว สตีฟ จอบส์ได้กล่าวในที่ประชุมของบริษัทว่า พนักงานที่ทำงานเต็มเวลา และทำงานกับ Apple มาแล้วมากกว่าหนึ่งปีจะได้รับ iPhone ไปใช้ฟรี!!! สำหรับการแจกสมาร์ทโฟน Windows Phone 7 ให้กับพนักงานบริษัทไมโครซอฟท์แทบทุกคน ไม่ได้มีการเปิดเผยว่า มันจะเป็นรุ่นใด หรือจากผู้ผลิตรายใดบ้าง แต่ดูเหมือนเครื่องจะได้ฟรี

news12



แอมะซอน (Amazon) ประกาศเปิดตัว Kindle 3 เครื่องอ่านอีบุ๊ครุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็กกว่า เบากว่า และชัดกว่าเดิม พร้อมด้วยคุณสมบัติไร้สาย Wi-Fi ในราคาที่ถูกกว่า Nook Wi-Fi ของ B&N ขณะเดียวกัน Kindle 3 ยังมีรุ่นทีมาพร้อมกับความสามารถในการเชื่อมต่อไร้สาย 3G ที่มีราคาสูงกว่าด้วย Amazon หวังว่า Kindle 3 จะทำให้ตลาดเครื่องอ่านอีบุ๊คเข้าสู่แมสได้
เครื่องอ่านอีบุ๊ค Kindle รุ่นใหม่ล่าสุดของ Amazon จะมีให้เลือก 2 เวอร์ชันด้วยกันคือ รุ่นที่มาพร้อมกับ Wi-Fi + 3G จะมีราคาอยู่ที่ 189 เหรียญฯ (ประมาณ 6,100 บาท) และรุ่น Wi-Fi อย่างเดียว ราคา 139 เหรียญฯ (ประมาณ 4,500 บาท) ซึ่งจะถูกกว่า Nook Wi-Fi ของ B&N อยู่ 10 เหรียญฯ (ประมาณ 330 บาท) โดย Kindle รุ่นใหม่มีให้เลือก 2 สีคือ ดำกราไฟท์ และสีขาว ทั้งนี้ทางบริษัทจะเริ่มสามารถส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม ศกนี้ เป็นต้นไปสำหรับคุณสมบัติอื่นๆ ของ Kindle รุ่นใหม่ ก็จะมีตั้งแต่เรื่องของดีไซน์ที่เล็กกะทัดรัดกว่าเดิม 21% หน่วยความจำเพิ่มขึ้นเป็น 4GB (เก็บอีบุ๊คได้ 3,500 ไตเติ้ล) จากเดิมแค่ 2GB และแบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 2 เท่า (4 สัปดาห์จาก 2 สัปดาห์ เมื่อปิดสวิทช์การเชื่อมต่อไร้สาย) หน้าจอขนาด 6 นิ้ว เหมือนเวอร์ชันแรก น้ำหนักแค่ 8.7 ออนซ์ (247 กรัม) หรือเบากว่าเดิม 15% หน้าจอจะมีคอนทราสกว่าเดิม 50% เหมือน Kindle DX Graphite เปลี่ยนหน้าเร็วขึ้น 20% เสียงคลิกของปุ่มเปลี่ยนหน้าเบากว่าเดิม (จนแทบไม่ได้ยิน) ใข้ท่องเว็บได้ พร้อมฟังก์ชัน Text-to-speech หรือ “อ่านให้ฟัง” นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความสามารถของโปรแกรมอ่าน PDF สามารถเปิดหาศัพท์ใหม่ ไฮไลท์ข้อความ และสนับสนุนการใส่รหัสผ่านป้องกันการเปิดไฟล์เอกสาร PDF ได้อีกด้วย Jeff Bezos ซีอีโอของ Amazon ตั้งความหวังไว้ว่า Kindle 3 จะสามารถจุดระเบิดความสนใจของผู้บริโภคในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

news11



ข่าวไอที ความคืบหน้าล่าสุดของไอโฟนในขณะนี้ คือการที่เว็บไซต์ jailbreakme.com ประกาศความสำเร็จในการ “jailbreak” หรือการปลดล็อค iPhone 4 ซึ่งเพียงติดตั้งโปรแกรมปลดล็อคที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ดังกล่าว ผู้ใช้ iPhone 4 ก็จะสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากร้านค้าอื่นที่นอกเหนือจาก Apple App Store ได้อย่างเสรี
ต้องถือว่า jailbreakme.com เป็นเว็บไซต์แรกที่สามารถให้บริการปลดล็อคไอโฟนรุ่นล่าสุด ซึ่งเพิ่งเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากบล็อคนาม Dev-Team ระบุว่า ผลงานการปลดล็อค iPhone 4 นี้เป็นของแฮกเกอร์ชื่อ Comex ซึ่งเป็นคนแรกที่สามารถนำโปรแกรมปลดล็อคไอโฟนมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน หลังจากที่ไอโฟนรุ่นก่อนหน้านี้ ถูกหลายเว็บไซต์ประกาศให้บริการดาวน์โหลดโปรแกรมปลดล็อคมาระยะหนึ่งแล้ว
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากรัฐสภาสหรัฐฯระบุว่าการ ปลดล็อคหรือ jailbreak โทรศัพท์มือถือนั้นเป็นเรื่องถูกกฏหมาย แต่ผู้บริโภคจะต้องยอมรับความจริงที่ว่า การปลดล็อคจะทำให้แอปเปิลไม่คุ้มครองและยกเลิกการรับประกันความเสียหายตัว เครื่องโทรศัพท์ทันที

ผู้สนใจสามารถ เริ่มกระบวนการปลดล็อคด้วยการใช้เบราว์เซอร์ Safari ใน iPhone, iPad หรือ iPod Touch แล้วเข้าสู่เว็บไซต์เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรมปลดล็อคได้โดยตรง หลังการปลดล็อค ผู้ใช้จะสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นที่แอปเปิลไม่อนุญาตให้วางจำหน่ายในร้าน App Store ที่สำคัญ ยัง มีข่าวลือว่า iPhone 4 ที่ปลดล็อคแล้วจะทำให้ผู้ใช้สามารถทำ video chat หรือการโทรศัพท์ด้วยภาพวิดีโอผ่านเครือข่าย 3G แทนที่จะทำได้บน Wi-Fi อย่างที่แอปเปิลกำหนดไว้ นอกจากนี้ การปลดล็อคยังทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้บริการกับโอเปอเรเตอร์รายใดก็ได้

ทั้งหมดนี้ แอปเปิลประกาศเตือนผู้บริโภคว่าการปลดล็อคไอโฟนสามารถทำให้ผู้ใช้มีความ เสี่ยงในการพบประสบการณ์ที่ด้อยคุณภาพลง โดยเป้าหมายหลักในการจำกัดขีดความสามารถของไอโฟนไว้ของแอปเปิล คือการสร้างความมั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากไอโฟน จึงได้ป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นรอบด้าน

news10



เมื่อวัน จันทร์ที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมาทาง Kaspersky Lab ได้เปิดตัว 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ Kaspersky Anti-Virus 2011 , Kaspersky Internet Security 2011 และน้องใหม่อย่าง Kaspersky PURE ในงาน Kaspersky 2011 Launching Party งานจัดที่ INCH รัชดา มีแขกมาร่วมงานกันพอสมควร บรรยากาศเป็นกันเองมากๆ เรามาดูกันดีกว่าครับว่ามีอะไรในงานน่าสนใจกันบ้าง
มากันที่เจ้า Kaspersky Anti-Virus 2011 และ Kaspersky Internet Security 2011 นั้นเป็นการต่อยอดจาก เวอร์ชั่น Kaspersky 2010 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับ แฟนๆ และผู้ใช้ทั่วไป Kaspersky นับว่าเป็น ตัว Anti Virus ที่ใช้งานง่ายตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งจะอัพเดทและกำจัดไวรัส ไม่ให้เข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา นอกจากนั้นยังปกป้องข้อมูลไม่ให้สูญหายอีกด้วย สำหรับ Kaspersky Internet Security 2011 เหมาะสำหรับ คนที่ทำธุรกรรมทางการเงิน หรือต้องการความปลอดภัยในการใช้งานอินเตอร์เน็ต สามารถอ่านรายละเอียดของ Kaspersky 2011 ได้ที่ Kaspersky 2011 Review
มาถึงน้องใหม่อย่าง Kaspersky PURE กันบ้าง ตัวนี้ถือว่าน่าสนใจมากๆ เพราะเป็นการนำเอา Kaspersky Anti-Virus 2011 และ Kaspersky Internet Security 2011 มารวมไว้ใน Kaspersky PURE มาดูกันดีกว่าครับว่า Kaspersky PURE เค้ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
Highlights
•Fights digital pollution
Kaspersky PURE จะจัดการเหล่ามัลแวร์ที่มุ่งร้ายและสแปม เพื่อให้คุณเพลิดเพลินกับแอพพลิเค ชั่นต่างๆของคุณ รวมไปถึงอีเมลและอินเทอร์เน็ตได้อย่างสบายใจ อีกทั้งยังมีเครื่องมือลบข้อมูลในการตามรอย ฉะนั้นเหล่าแฮกเกอร์จึงไม่สามารถแกะรอยคุณได้
•Protects digital assets (ปกป้องทรัพย์สินทางดิจิตอล)
Kaspersky PURE ป้องกันไม่ให้รูปภาพ เพลง เอกสาร วีดีโอต่างๆ ของคุณ สูญหาย ถูกขโมยหรือถูกใช้ในทางที่ผิด ด้วยเครื่องมือการแบ๊คอัพขั้นสูงและเทคโนโลยีล่าสุดในการเข้ารหัส ซึ่งทำให้คุณมั่นใจได้ว่า เฉพาะบุคคลที่คุณเลือกแล้วเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคุญของคุณ
•Safeguards digital identities
Kaspersky PURE มีทุกสึ่งที่คุณต้องการเพื่อการปกป้องตัวตนของคุณบนโลกดิจิตอล ด้วย Virtual keyboard (คีย์บอร์ดเสมือน) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดในการป้องกันเว็บไซต์ฟิชชิ่งและระบบการจัดการความ ปลอดภัยของพาสเวิร์ด อีกทั้งยังมั่นใจได้กับ family-safe content ของ Kaspersky PURE ที่ให้คุณสามารถควบคุมได้ว่า ใครสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้ และสามารถดูหรือทำอะไรได้บ้าง ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ และยังมีระบบคอยบันทึกการใช้งานอย่างละเอียด หมดห่วงเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวคุณ
•Centralizes security management
Kaspersky PURE ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบสถานะความปลอดภัยของเน็ตเวิร์คของคุณ สั่งให้ดาวน์โหลดฐานข้อมูลไวรัสอย่างอัตโนมัติจากคอมพิวเตอร์ที่เลือกไว้ แล้วกระจายไปยังเครื่องอื่นๆ อีกทั้งยังบันทึกเหตุการณ์และจัดการสแกนเครื่องคอมพิวเตอร์ในองค์กรและ การสั่งแบ๊คอัพจากจุดใดก็ได้ในเน็ตเวิร์คของคุณ
•Provides all-round protection
Kaspersky PURE คือการป้องกันอย่างครบวงจรสำหรับการปกป้องเน็ตเวิร์คของคุณ ด้วยทุกฟังก์ชั่นที่คุณต้องการเพื่อบริหารจัดการความปลอดภัยบนเน็ตเวิร์คและ ปกป้องเน็ตเวิร์คคุณจากมัลแวร์ทุกชนิด โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญด้านไอทีเลย
Features
Kaspersky PURE เป็นการปฏิวัติแนวทางใหม่เพื่อให้คอมพิวเตอร์ของ คุณพร้อมใช้งานในสภาพเต็มประสิทธิภาพ ด้วยฟีเจอร์และฟังก์ชั่นที่แตกต่างซึ่งถูกพัฒนาให้ทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ พร้อมทั้งให้การปกป้องที่สมบูรณ์แบบ:

•Kaspersky PURE มีฟังก์ชั่นการทำงานที่ครอบคลุมฟังก์ชั่นของ Kaspersky Internet Security 2010 ที่ได้ผ่านการทดสอบและสามารถเชื่อถือได้ และยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆที่น่าสนใจเข้าไปอีกด้วย
•การป้องกันอย่างสมบูรณ์จากแอนตี้มัลแวร์และแอนตี้สแปม รวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง Sandbox สำหรับการการันตี
ความปลอดภัย เพิ่มเทคโนโลยีการตรวจจับที่ยกระดับขึ้นกว่าเดิม!
•My Control Centre ให้คุณสามารถเป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการการทำงาน รายงาน การอัพดตฐานข้อมูล ฯลฯ ด้วยคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ในเน็ตเวิร์ค NEW!
•Password Manager สามารถสร้าง เข้ารหัสและจัดเก็บข้อมูลการเข้าสู่ระบบ การใส่ฟอร์มการล็อคอินโดยอัตโนมัติ พร้อมด้วยคีย์บอร์ดเสมือนที่ติดตั้งไว้ภายใน NEW!
•Parental Control ขั้นสูงและการดูแลเฝ้าระวังการใช้งานอินเทอร์เน็ต การใช้งานคอมพิวเตอร์ แอพพลิเคชั่นและการติดต่อสื่อสารของผู้ใช้ เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์และคุณสมบัติบางประการ!
•File Shredder ใช้เทคโนโลยีที่หลากหลายเพื่อทำให้ข้อมูลที่ถูกลบไปแล้วนั้นไม่สามารถจะ เรียกกลับหรือกู้คืนกลับมาได้ แม้จะใช้โปรแกรมเฉพาะทางก็ตามทีNEW!
•Data Backup & Restore มั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะยังคงสมบูรณ์ คุณสามารถตั้งตารางเวลา ตำแหน่งการรีสโตร์และ เลือกที่จัดเก็บแบ๊คอัพไฟล์ได้ NEW!
•Data Encryption เพิ่มความปลอดภัยสูงสุด สามารถสร้าง จัดเก็บและย้ายข้อมูลโดยมีพาสเวิร์ดปกป้อง และคอนเทนเนอร์ที่เข้ารหัสไว้ NEW!

news9



สำหรับท่านใดที่มีปัญหาดูฟุตบอลไม่ได้ วันนี้ผมมาแนะนำเว็บไซต์ที่ให้เรา ดูบอลผ่านอินเตอร์เน็ต ได้ ไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ลีกาสเปน บุนเดสลีกาเยอรมัน ลีกเอิงฝรั่งเศส สกอตติชพรีเมียร์ลีก เซเรียอาอิตาลี แชมเปี้ยนชิพอังกฤษ เอเรดิวิซี่ฮอลแลนด์ ซาเกรสโปรตุเกส พรีเมียร์ลีกรัสเซีย พรีเมียร์ลีกยูเครน ซูเปอร์ลีกตุรกี ลีกา 1 สาธารณรัฐเช็ก บุนเดสลีกาออสเตรีย จูบิแลร์ลีกเบลเยียม ซูเปอร์ลีเก้นเดนมาร์ก ซูเปอร์ลีกสวิตเซอร์แลนด์ เอ็คสตรัคลาซ่าลีกโปแลนด์ เปอร์ว่าลีกา โครเอเชีย ไวค์เคาส์ลีกาฟินแลนด์ ซูเปอร์ลีกกรีซ ลีกา 1 ฮังการี ทิปเปลิเก้นนอร์เวย์ พรีเมียร์ลีกเวลส์ และลีกอื่นๆอีกมากมาย ให้ท่านดูผ่านอินเตอร์เน็ตได้ฟรี
ก่อนอื่นจะต้องลงโปรแกรมสำหรับไว้ ดูฟุตบอลผ่านเน็ต หลักๆก็จะใช้โปรแกรม Tvants สามารถดาวน์โหลดก็ติดตั้งได้ง่าย แค่นี้เราก็สามารถ ดูฟุตบอลออนไลน์ ได้แล้ว หลังจากนั้นเราก็มาดูเว็บไซต์ที่ให้เรา ดูบอลผ่านเน็ต กันว่ามีเว็บไหนกันบ้างเลือกเอาเลย ถ้าเว็บไหนดูไม่ได้ก็ เลือกไปเรื่อยๆ

1.http://south-africa-live.blogspot.com
2.http://www.freefootball.org
3.http://www.free-football.tv
4.http://myp2p.eu/index.php?part=sports
5.http://www.freedocast.com/
6.http://www.iraqgoals.tv/
7.http://www.rojadirecta.com/
8.http://livefooty.doctor-serv.com/
9.http://www.udootv.com/tv/
10.http://www.watchlivefootball.tv/
11.http://asiaplatetv.com/uktv.php
12.http://www.worldtvpc.com/onlinevideosites/?cat=Sports
13.http://livetv.ru/en/
14.http://wwitv.com/sports_tv/
15.http://live-sports-now.blogspot.com/
16.http://lethalstreams.net/
17.http://www.hisportz.net/
18.http://www.satellitedirect.com/?hop=mikeboffer
19.http://www.livesportontv.com/football/
20.http://www.footballonsat.com/
21.http://freesportslive2.50webs.com/ch1.html
22.http://live-sports-now.blogspot.com/
23.http://www.mekanspor.somee.com/index2.html
24.http://fankora.blogspot.com/
25.http://www.topstreamz.com/sports.html

news8



วันนี้ขอเอาใจคนชอบเที่ยวนิดนึง เป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่าถึงเทศกาลวันหยุดยาวทั้งที หลายคนชอบออกเดินทางท่องเที่ยว อยากใช้ชีวิตช่วงวันหยุดให้คุ้มที่สุด แต่ว่าจะไปเที่ยวไหนดีค้นหาข้อมูลกันใหญ่ เรามันคนไอที ยุค Cyber จะค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวทั้งทีก็ต้องให้มัน Hitech ซักหน่อย การค้นหาข้อมูลแบบเก่าๆ เปิดนิตยสารท่องเที่ยว แบบเ้ก่ามันเชยไปแล้วสำหรับยุคนี้หลายคนถามว่า zizzee.com นี่ดียังไง zizzee.com เป็น Smart Travel Search ที่จะช่วยให้คุณสามารถ ค้นหา สถานที่ท่องเที่ยว ที่พักโรงแรม สายการบิน รถเช่า แถมยังค้นหาโปรโมชั่นต่างๆ อีกทั้งยังมีระบบเปรียบเทียบราคา ได้อีกด้วย (แบบนี้หวานหมูสิครับ) เพียงแค่คุณกรอกชื่อสถานที่ที่คุณอยากจะไปแล้วกดค้นหา แค่นี้ก็ทำให้คุณได้ว่างแผนการเดินทางได้สะดวก ไม่ว่าจะ ขึ้นเหนือ ล่องใต้ เดินทางอุ่นใจสบายกระเป๋า ของแบบนี้ไม่ลองไม่ได้ซะแล้ว…มาดูกันดีกว่าครับว่า zizzee.com เค้าใช้งานกันอย่างไร ขั้นแรก เราก็ต้องรู้ก่อนว่าเราอยากไปที่ไหน ในที่นี้เลือกเชียงใหม่ แล้วกดค้นหาที่ปุ่ม search แค่นี้ก็มีสถานที่ให้เลือกมากมาย แล้วเราจะเลือกอันไหนดีหละขั้นตอนต่อมา เราก็จะมาเลือกสถานที่ให้ถูกใจ กับ Tool ที่ติดมากับ zizzee.com

•ค้นหาชื่อโรงแรม เอาไว้สำหรับค้นหาชื่อโรงแรมที่เราต้องการจะไปพัก
•ราคา เราสามารถกำหนด ช่วงราคา ของโรงแรมที่เราจะไปพักได้อีกด้วย
•มาตรฐานโรงแรม เราเลือกเอาเลยว่าอยากได้โรงแรมกี่ดาว
•สิ่งอำนวยความสะดวก สามารถเลือกได้ว่าอยากได้โรงแรมที่มีสิงอำนวยความสะดวกแบบใด
•สุดท้ายสามารถเลือกเรียงลำดับตาม ราคา ชื่อโรงแรม และมาตรฐานโรงแรม ได้อีกด้วย

news7



SoftBank Mobile ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออันดับ 3 (สมาชิก 25 ล้านราย) ในญ๊่ปุ่นก็ได้ออกมือถือรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับธีม “Gundam” ซึ่งเป็นซีรียส์การ์ตูนที่มีสาวกชื่นชอบมากมายทั้งในญี่ปุ่น และประเทศต่างๆ งานนี้แฟนพันธุ์แท้ Gundam ย่อมไม่พลาดที่จะหามือถือรุ่นนี้มาเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน
ข้อมูลทางด้านเทคนิคของ Gundam Phone นอกเหนือจากดีไซน์ตัวเครื่องที่ใช้วัสดุที่มีสีสันคล้ายกับ body และโล่ห์ของหุ่นกันดั้มแล้ว Gundam Phone รุ่นนี้เป็นการ mod มือถือ Sharp 945SH ที่มีหน้าจอVGA 3.2 นิ้ว กล้องถ่ายรูป 12.1 ล้านพิกเซล สามารถบันทึกวิดีโอไฮเดฟ 720p มีจูนเนอร์รับ Digital TV ในตัว เชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth สามารถเชื่อมต่อกับ HDTV ด้วยพอร์ต HDMI ทำงานในระบบ GSM มีไมโครโฟน 2 ทิศทาง เพื่อบันทึกเสียงในระบบสเตริโอให้มิติเสียงที่บันทึกซ้ายขวาที่แตกต่างกัน ได้ Gundam Phone ยังกันน้ำได้อีกด้วย สเป็กสมกับเป็นมือถือหุ่นยนต์นักรบอวกาศที่แสนคลาสสิก ตัวนี้ไหมล่ะครับ

สำหรับมือถือกันดั้มรุ่นนี้จะมาพร้อมกับหุ่นจำลอง Gundam ที่สามารถถอดชุดเกราะแต่ละส่วนออกมาให้เหลือแค่โครงสร้างเปลือยเปล่าได้ โดย คุณสามารถนำโมเดล Gundam ไปประกอบกับแท่นชาร์จที่ออกมาแบบมาพิเศษอีกด้วย ดูเท่มากๆ เลย ส่วนหน้าจอของมือถือ เมนู และอินเตอร์เฟซต่างๆ จะใช้ธีม Gundam โดยเฉพาะซาวด์เอฟเฟกต์ต่่างๆ จะเป็นเสียงที่ได้ยินจากในซีรียส์การ์ตูนเรื่องนี้ทั้งสิ้น เห็นแล้วก็อดใจ ไม่ไหวอยากได้สะสมไว้สักตัวเหมือนกันนะเนี่ย

news6



ข่าวลือก่อนหน้านี้อ้างว่า Google เตรียมเปิดบริการใหม่ที่เรียกว่า ” Google Me ” โดยเป้าหมายคือ โซเชียลเน็ตเวิร์กที่ทางบริษัทพัฒนาออกมาต่อกรกับ Facebook ข่าวดังกล่าวได้ถูกนำมาหยิบยกพูดถึงกันอีกครั้ง เมื่ออีริค ชมิดท์ ซีอีโอของ Google ได้เปิดเผยข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับบริการใหม่ที่ว่านี้
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Eric Schmidt ซีอีโอ Google ได้ให้รายละเอิยดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการของบริษัท ซึ่งมีประเด็นหนึ่งที่ มีการนำมาขยายความกันต่อนั่นก็คือ แผนการเข้าสู่สมรภูมิโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยชมิดท์ได้ตอบคำถามที่ว่า โซเชียลเน็ตเวิร์กมีความสำคัญต่ออนาคตของ Google อย่างไร? และ Google จะต่อสู้กับคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่และแข็งแรง (Facebook) ได้อย่างไร?
Schmidt กล่าวว่า “เรามองโซเชียลเน็ตเวิร์กแตกต่างจากทุกคนที่กำลังเขียนถึงมัน สิ่งที Google ต้องการคือ การทำให้ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นโดยใช้ข้อมูล จากโซเชียลฯ สิ่งที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นถ้า Facebook เปิดเครือข่าย และให้เราเข้าไปใช้ข้อมูลนั้นได้ แต่ถึงแม้จะทำเช่นนั้นไม่ได้ เราก็มีวิธีอื่นๆ อีกมากมายที่จะทำให้ได้ข้อมูลเหล่านั้น เรากำลังพยายามเพิ่มองค์ประกอบของโซเชียลเน็ตเวิร์ก (เข้าไปในผลิตภัณฑ์หลัก) เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Google ดีขึ้น ด้วยการยินยอมจากผู้ใช้ โดยเฉพาะการที่เราสามารถรู้ได้ว่า ใครคือเพื่อนของคุณ เราจะสามารถแนะนำสิ่งที่ผู้ใช้แต่ละคนต้องการได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม รวมถึงคุณภาพการค้าหาที่ดีกว่าด้วย”

news5



ทรูมูฟ (True Move) และ ดีแทค (Dtac) เปิดตัว iPhone 4 ไอโฟน รุ่นใหม่ในไทย ข่าวบอกว่า iPhone 4 จะเริ่มเปิดตัวในไทยเดือน กันยายน และ ราคา ขาย ของ iPhone 4 จะตั้งอยู่ที่ไกล้เคียงกับ ราคาเดิมของรุ่น iPhone 3Gs โดยทั้ง ทรูมูฟ (True Move) และ ดีแทค (Dtac) จะตั้งราคาขายของเครื่อง iPhone 4 เท่ากันอย่างแน่นอนทรูมูฟ (True Move) พร้อมเปิดตัว iPhone 4 ในประเทศไทย อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่ง iPhone 4 จัดเป็นสมาร์ทโฟนที่บางที่สุดในโลก พร้อมการแสดงผลบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่มีความละเอียดสูงสุด

ดีแทค (Dtac) เปิดตัว iPhone 4 ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่บางที่สุดในโลกพร้อมหน้าจอสีที่มีความละเอียดสูงสุด เท่าที่เคยมีมาในตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทย
สตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอแอปเปิลระบุว่า iPhone 4 มี กำหนดการ เปิดตัวครั้งแรกใน 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ และญี่ปุ่น ภายในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ หลังจากนั้น 1 เดือน (ปลายเดือนกรกฎาคม) จะเพิ่มเป็น 18 ประเทศ และขยายอีก 40 ประเทศในเดือนกันยายน ซึ่งชื่อประเทศไทยติดในกลุ่มเดือนกันยายนนี้

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

สลด! คนไทยใช้มือถือ-เน็ตกระหน่ำ

สลด! คนไทยใช้มือถือ-เน็ตกระหน่ำ


แต่ไม่รู้สิทธิโทรคมนาคม

ในวันที่ปริมาณการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่แตะ 65 ล้านเลขหมาย เท่าจำนวนประชากรในประเทศ และมีปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตขยับเป็น 15 ล้านเลขหมายในปีที่ผ่านมา
ส่งผลให้ปัญหาด้านโทรคมนาคมเพิ่มขึ้น อาทิ บริการโทรศัพท์มือถือโทรฯติดยาก ความเร็วอินเทอร์เน็ตไม่เป็นไปตามโฆษณา เว็บโป๊ เว็บพนัน ล้นทะลักโลกออนไลน์ แต่กลับมีเสียงร้องเรียนเรื่องปัญหาโทรคมนาคมเล็ดลอดออกมาเพียง 2% จากจำนวนสาวกโทรคมนาคมที่ประสบปัญหากว่า 60% ข้อมูลเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 53 วันคุ้มครองผู้บริโภคสากล ซึ่งสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) ร่วมกับ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ สำรวจคนไทยทั่วประเทศจำนวน 8,000 คน จาก 4 ภูมิภาค รวม 39 จังหวัด นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการ สบท. กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีใครบอกผู้บริโภคเรื่องสิทธิโทรคมนาคม ดังนั้นผู้บริโภคควรที่จะรู้สิทธิของตนเอง เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือ ถ้าบริการไม่เป็นธรรมก็สามารถร้องเรียนได้ เพราะประเทศไทยมีพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคมากว่า 30 ปี แต่คนไทย 1 ใน 4 ไม่รู้เรื่องสิทธิโทรคมนาคม หรือคิดเป็น 15 ล้านคน จากจำนวนประชากร 65 ล้านคน โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ศึกษาในระดับพื้นฐาน และอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนไทยร้องเรียนเรื่องสิทธิโทรคมนาคมน้อย เนื่องจากมีหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบ ดังนั้น ต้องสร้างการรับรู้เกี่ยวกับปัญหาและหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อให้ประชาชนรู้ว่าปัญหาไหนควรร้องเรียนที่หน่วยงานใด เช่น เรื่องเว็บโป๊ ให้ร้องเรียนที่ตำรวจซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ. 2550 เรื่องอุปกรณ์โทรคมนาคม เช่นโทรศัพท์มือถือซื้อมา 7 วัน แล้วเสียร้านค้าไม่รับคืน ร้องเรียนที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ถ้าเรื่องบริการโทรคมนาคม เช่น ความเร็วอินเทอร์เน็ตไม่เป็นไปตามโฆษณา และค่าบริการโทรศัพท์มือถือไม่เป็นธรรม ร้องเรียนที่ สบท. ปีที่แล้ว สบท.เปิดสายด่วนร้องเรียนเรื่องโทรคมนาคมเลขหมาย 1200 ให้ผู้บริโภคโทรฯร้องเรียนโดยไม่เสียค่าบริการ มีผู้ร้องเรียนรวม 1,200 เรื่อง เพิ่มจากปีพ.ศ. 2551 ซึ่งมี 300 เรื่อง แต่จากการสำรวจ พบว่า ผู้บริโภคสะดวกที่จะร้องเรียนโดยตรงกับบุคคล ดังนั้น สบท.จึงตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียนในกรุงเทพฯ พร้อมกับเปิดบริการสายด่วนควบคู่กันไป นอกจากนี้ การสำรวจเรื่องการรับรู้สิทธิการร้องเรียนด้านโทรคมนาคมของประชาชน พบว่า 70% รับรู้ผ่านสื่อโทรทัศน์ และ 30% รับรู้ผ่านการบอกเล่าของเพื่อน ประเทศออสเตรเลีย ผู้บริโภคมีการรับรู้เรื่องสิทธิโทรคมนาคมสูงมาก ปีที่ผ่านมามีการร้องเรียนเรื่องโทรคมนาคมถึง 5 แสนคนจากจำนวนประชากรในประเทศ 20 ล้านคน แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการปกป้องสิทธิด้านโทรคมนาคม โดยมีปริมาณร้องเรียนมากเป็นอันดับหนึ่ง แซงหน้าการร้องเรียนเรื่องบัตรเครดิต การเงินการธนาคาร รถยนต์ อาหาร และยา ต่างจากประเทศไทย แม้เรื่องเอสเอ็มเอสขยะจะเป็นปัญหาที่พบมากเป็นอันดับหนึ่ง แต่มีผู้ร้องเรีนน้อย ทำให้ไม่มีพลังเสียงจากผู้บริโภคที่จะกระตุ้นให้เกิดการออกมาตรการควบคุมการส่งเอสเอ็มเอสขยะ ขณะที่ต่างประเทศที่ผู้บริโภคร้องเรียนมาก ทำให้รัฐบาลออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค เร่งสร้างการรู้สิทธิโทรคมนาคมให้คนไทย นพ.ประวิทย์ กล่าวว่า การสำรวจความรู้เรื่องสิทธิโทรคมนาคม สบท. จะทำทุก 3-5 ปี เนื่องจากการรับรู้เรื่องสิทธิโทรคมนาคมต้องใช้เวลา แต่เรื่องปัญหาด้านโทรคมนาคม สบท. จะสำรวจทุกปี ส่วนการส่งความรู้เรื่องสิทธิโทรคมนาคม สบท.จะร่วมกับเครือข่ายผู้บริโภค ใน 26 จังหวัด นำความรู้สู่ประชาชนในท้องถิ่นแบบปากต่อปาก เน้นเรื่องที่มีผลกระทบกับประชาชนโดยตรง เช่น เรื่องบัตรโทรศัพท์ มือถือแบบเติมเงิน (พรีเพด) ไม่มีวันหมดอายุ ซึ่งตามประกาศของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ระบุให้บัตรโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินไม่มีวันหมดอายุ จนกว่าจะได้รับความเห็นชอบจาก กทช. ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้ และผู้ให้บริการบางรายก็ยังจำหน่ายบัตรเติมเงินมูลค่า 100 บาท มีอายุใช้งาน 10 วัน จนเกิดปัญหาและข้อร้องเรียน เบื้องต้น สบท. หารือกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ได้แก่ เอไอเอส และดีแทค ได้ข้อสรุปจะกำหนดให้บัตรเติมเงินมีอายุการใช้งาน 90 วัน ส่วนทรูมูฟยังไม่มีการหารือ กลางปีเปิดโครง การบันทึกข้อมูลสัญญาณมือถือ เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่โทรฯติดยาก เป็นปัญหาอันดับหนึ่งด้านบริการและคุณภาพของการใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีผู้ร้องเรียนมาก ขณะนี้ สบท.หารือกับบริษัทพัฒนาระบบบันทึกคุณภาพและบริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่สัญชาติไทย เพื่อเก็บข้อมูลว่าพื้นที่ไหนมีความแรงของสัญญาณดี ไม่ดี และเสถียรหรือไม่เสถียร เมื่อได้ข้อมูลสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ในแต่ละพื้นที่ สบท.จะจัดส่งข้อมูลให้กับผู้ให้บริการเครือข่ายเพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการปรับปรุง
การเก็บข้อมูลด้านบริการและคุณภาพของการใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ระหว่างดำเนินงาน มองว่าถ้านำอุปกรณ์ดังกล่าวไปติดตั้งกับรถขนส่งของไปรษณีย์ไทยก็จะทำให้ได้ข้อมูลทั่วประเทศ หรือขอความร่วมมือติดตั้งในรถแท็กซี่ก็จะได้ข้อมูลในกรุงเทพฯ ซึ่งต้องเข้าไปหารือก่อน ส่วนผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการซิมเบี้ยน สามารถใช้โทรศัพท์มือถือเก็บบันทึกสัญญาณของเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ในเครื่อง คาดกลางปีนี้จะเริ่มโครงการนี้ได้ นพ.ประวิทย์ กล่าว ทดสอบความเร็วเน็ตปีนี้เข้มข้นขึ้น
สำหรับโครงการสำรวจและทดสอบความ เร็วอินเทอร์เน็ต (สปีดเทสต์) ปีที่แล้ว สบท. ร่วมกับ สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย ใช้เวลา 3 เดือนในการทดสอบ ส่งผลให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตปรับตัวขยับความเร็วอินเทอร์เน็ตให้ได้ตามที่โฆษณา โดยโครงการนี้เป็นการเก็บข้อมูลและส่งต่อข้อมูลที่ได้ให้กับผู้ให้บริการ เป็นการดึงผู้บริโภคที่ใช้บริการร่วมเก็บข้อมูล และกระตุ้นให้ผู้บริโภคสนใจเรื่องสิทธิด้านโทรคมนาคม ปัจจุบัน กทช.ให้ใบอนุญาตประกอบการอินเทอร์เน็ตทั้งแบบที่มีโครงข่ายเป็นของตนเอง และแบบที่ไม่มีโครงข่ายเป็นของตนเอง แก่ผู้ให้ประกอบการแล้วกว่า 100 ราย ปีนี้ สบท. ร่วมกับ สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย เดินหน้าโครงการต่อ โดยจะเพิ่มเซิร์ฟเวอร์อีก 30 จุด ภายใต้งบประมาณ 3 ล้านบาทเพื่อเก็บข้อมูลการสำรวจและทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต ผ่านเว็บไซต์ www.speedtest.or.th และนำข้อมูลที่ได้จากการทดสอบเสนอ กทช. เพื่อให้ จัดทำมาตรฐานบริการอินเทอร์เน็ต ทั้งเรื่องของความเร็วและความเสถียร ปัจจุบัน ประเทศมาเลเซีย กำหนดมาตรฐานการให้บริการอินเทอร์เน็ตของผู้ให้บริการ ซึ่งระบุว่า ความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ให้บริการต้องไม่ต่ำกว่า 90% ของความเร็วที่โฆษณา ยุค 3จี ผู้บริโภคยิ่งต้องรู้สิทธิโทรคมนาคม เทคโนโลยี 3 จีเป็นสิ่งที่หลายคนเฝ้ารอ ซึ่งการใช้งานที่รองรับบริการได้หลากหลายโดยเฉพาะการรับส่งข้อมูล (ดาต้า) เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องรู้สิทธิ ถ้าผู้บริโภคไม่รู้สิทธิด้านโทรคมนาคมจะเสียเปรียบอย่างมาก เช่น การเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตถ้าเปิดเว็บไซต์ค้างไว้ โดยไม่ดาวน์โหลดข้อมูล หรือคลิกเปิดหน้าเว็บเพจ ใหม่ ผู้บริโภคจะเสียค่าบริการเพียงดาวน์โหลดเว็บไซต์ครั้งแรกเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับระยะเวลาที่เปิดเว็บไซต์ค้างไว้หน้าจอ เพราะคิดค่าบริการตามปริมาณการดาวน์โหลด ขณะที่เบอร์โทรศัพท์ 3จี แบบเติมเงิน (พรีเพด) ต้องมีการจดทะเบียนระบุตัวตนเจ้าของให้ชัดเจน เพราะใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ และเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และปริมาณการใช้งานโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนที่เพิ่มมากขึ้นจาก 15% ของเครื่องโทรศัพท์โดยรวมที่ใช้อยู่ในไทยปีที่แล้ว ซึ่งคาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็น 20% ส่งผลให้ปัญหาเอสเอ็มเอสขยะเปลี่ยนแปลงไปสู่มัลติมีเดีย ซึ่งมีการใช้ระบบโทรฯขายตรงแบบอัตโนมัติ และข้อความขยะแบบภาพเคลื่อนไหว ซึ่งความคืบหน้าเรื่อง มาตรการควบคุมเอสเอ็มเอสขยะ ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปเรื่องเพื่อนำเสนอที่ประชุม กทช. พิจารณา เพราะเรื่องการออกมาตรการควบคุมเอสเอ็มเอสขยะเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินงาน ให้ทันกับเทคโนโลยีที่ก้าวไปอย่างรวดเร็ว ก้าวทันเทคโนโลยีแล้ว อย่าลืมก้าวทันสิทธิที่ผู้บริโภคโทรคมนาคมพึงมีด้วย.
น้ำเพชร จันทา namphetc@dailynews.co.th


ผู้จัดทำ นางสาวอนุสรา สีกา 49043494345
คอมพิวเตอร์ธุรกิจ
ที่มา : http://news.sanook.com/917160-%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94-%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B3.html

เตือน! ผู้ใช้มือถือ สิทธิพื้นฐานที่ต้องรู้

เตือน! ผู้ใช้มือถือ สิทธิพื้นฐานที่ต้องรู้



สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมระบุว่า คนไทยส่วนใหญ่ใช้มือถือแบบเติมเงิน ดังนั้น ควรจดทะเบียนเพื่อให้ทราบถึงข้อมูลการใช้งานจริง ขณะเดียวกัน ข้อมูลสิทธิขั้นพื้นฐานการใช้โทรศัพท์ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย'นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา' ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) กล่าวว่า ผู้ใช้โทรศัพท์ส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้สิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น การเรียกร้องบริษัทเจ้าของเครือข่ายกรณีไม่สามารถให้บริการตามโฆษณาได้, ความจำเป็นที่ต้องเติมเงินเมื่อครบกำหนด แม้จำนวนเงินยังเหลือก็ตาม ซึ่งตามกฎหมายได้กำหนดไว้ว่า หากจำนวนเงินยังคงเหลือก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มระยะเวลาการโทร นอกจากนี้ ยังรวมถึงสิทธิการใช้เลขหมายเดิมสำหรับการแก้ปัญหาเมื่อมีข้อร้องเรียน สบท.จะแจ้งไปยังบริษัทเจ้าของเครือข่ายและคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพื่อแก้ไข อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่ใช้แก้ไข ขึ้นอยู่กับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น
นพ.ประวิทย์ กล่าวว่า ผู้ใช้มือถือของไทยร้อยละ 90 เป็นกลุ่มเติมเงิน ดังนั้น ผู้ใช้ควรจดทะเบียนเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของและทราบถึงรายละเอียดการใช้งานที่เกิดขึ้นจริงอย่างไรก็ตาม หากประชาชนมีข้อร้องเรียน สามารถติดต่อได้ที่ 02-634-6000 หรือสายด่วน 1200
ผู้จัดทำ นางสาวอนุสรา สีกา 49043494345
คอมพิวเตอร์ธุรกิจ
ที่มา :
http://news.sanook.com/960167-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89.html

เตือน! ผู้ใช้มือถือ สิทธิพื้นฐานที่ต้องรู้

เตือน! ผู้ใช้มือถือ สิทธิพื้นฐานที่ต้องรู้




สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคมระบุว่า คนไทยส่วนใหญ่ใช้มือถือแบบเติมเงิน ดังนั้น ควรจดทะเบียนเพื่อให้ทราบถึงข้อมูลการใช้งานจริง ขณะเดียวกัน ข้อมูลสิทธิขั้นพื้นฐานการใช้โทรศัพท์ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
'นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา' ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.) กล่าวว่า ผู้ใช้โทรศัพท์ส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้สิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น การเรียกร้องบริษัทเจ้าของเครือข่ายกรณีไม่สามารถให้บริการตามโฆษณาได้, ความจำเป็นที่ต้องเติมเงินเมื่อครบกำหนด แม้จำนวนเงินยังเหลือก็ตาม ซึ่งตามกฎหมายได้กำหนดไว้ว่า หากจำนวนเงินยังคงเหลือก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มระยะเวลาการโทร นอกจากนี้ ยังรวมถึงสิทธิการใช้เลขหมายเดิมสำหรับการแก้ปัญหาเมื่อมีข้อร้องเรียน สบท.จะแจ้งไปยังบริษัทเจ้าของเครือข่ายและคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพื่อแก้ไข อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่ใช้แก้ไข ขึ้นอยู่กับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนพ.ประวิทย์ กล่าวว่า ผู้ใช้มือถือของไทยร้อยละ 90 เป็นกลุ่มเติมเงิน ดังนั้น ผู้ใช้ควรจดทะเบียนเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของและทราบถึงรายละเอียดการใช้งานที่เกิดขึ้นจริงอย่างไรก็ตาม หากประชาชนมีข้อร้องเรียน สามารถติดต่อได้ที่ 02-634-6000 หรือสายด่วน 1200

ไทยติดอันดับ21เล่นเฟซบุ๊กใช้5.14ล้านคน

ไทยติดอันดับ21เล่นเฟซบุ๊กใช้5.14ล้านคน


ไทยติดอันดับ 21 จากจำนวนผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก โดยมีผู้ใช้ 5.14 ล้านคน โดยตามหลัง ฟิลิปปินส์ที่เป็นอันดับ 7 มีผู้ใช้ 16 ล้านจากจำนวนผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ค www.facebook.com ทั่วโลกที่มีอยู่จำนวน 517 ล้านคน พบว่า 5 อันดับแรก คือ สหรัฐฯ 133 ล้านคน, สหราชอาณาจักร 28 ล้านคน, อินโดนีเซีย 27 ล้านคน, ตุรกี 24 ล้านคน, และฝรั่งเศส 19 ล้านคนสำหรับประเทศไทยมีจำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊คติดอันดับที่ 21 มีผู้ใช้ 5.14 ล้านคน โดยตามหลัง ฟิลิปปินส์ที่เป็นอันดับ 7 มีผู้ใช้ 16 ล้านคน อินเดียอันดับ 10 มีผู้ใช้ 13 ล้านคน, มาเลเซียมีผู้ใช้ 8 ล้านคน ที่น่าสนใจ คือ ญี่ปุ่น อยู่อันดับ 56 มีผู้ใช้เฟซบุ๊ค 1.35 ล้านคน และ สำหรับจีน อยู่อันดับที่ 162 มีผู้ใช้เพียง 24,060 คนสำหรับเกมส์ออนไลน์ ของซินก้าที่เป็นที่ยอดนิยมอย่างฟาร์มวิลล์ มีผู้เล่น 62.57 ล้านคน ตามมาด้วยเท็กซัสโฮลเอ็มโป้กเกอร์ 36.78 ล้านคน คาเฟ่เวิร์ลด์ 28.98 ล้านคน มาเฟียวอร์ 27.27 ล้านคน และ เพ็ทวิลล์ 16.86 ล้านคน



ผู้จัดทำ นางสาวอนุสรา สีกา 49043494345

คอมพิวเตอร์ธุรกิจ

ที่มา :

http://news.sanook.com/960919-%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A21%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%8B%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%895.14%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%991.html

นักวิชาการหวั่นคนรายได้น้อยขาดโอกาสใช้3G

นักวิชาการหวั่นคนรายได้น้อยขาดโอกาสใช้3G



นักวิชาการ หวั่น 3G ไม่กระจายถึงต่างจังหวัด ห่วงผู้ประกอบการคิดราคาค่าบริการแพง ปิดโอกาสให้คนมีรายได้น้อยเข้าถึงข้อมูลดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผย ระหว่างการเสวนา "เครือข่ายพลเมืองเน็ต" ภายใต้หัวข้อ "สิทธิพลเมืองกับ 3G" ว่า ปัญหาของการใช้อินเทอร์เน็ต วันนี้ คือ การกระจุกตัวของผู้ใช้ ซึ่งคาดว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นคนใน กทม. ดังนั้น หากจะให้ 3G เป็นเครื่องมือกระจายความรู้ ข้อมูล ไปสู่ประชาชนในชนบท กทช. ต้องตอบโจทย์การกระจายตัวของเทคโนโลยีให้ได้ นอกจากนี้ ค่าบริการอินเทอร์เน็ต ที่ยังแพงเกินไป ยังเป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้คนยากจน เข้าถึง 3G โดยเฉพาะระบบพรีเพด (Prepaid จ่ายก่อนใช้) เดือนละ 170 บาท ขณะที่ผู้มีรายได้น้อย มีรายได้เฉลี่ย 1,200 บาทต่อเดือน ค่าบริการเกินร้อยละ 10 จึงถือว่าแพงเกินไป และเป็นความเหลื่อมล้ำทางโอกาส นายต่อพงษ์ เสลานนท์ ประธานคณะทำงาน ด้านกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ ในคณะอนุกรรมการ กทช. กล่าวว่า การใช้ระบบ 3G จะช่วยเพิ่มโอกาส ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น โดยค่าใช้จ่ายจะต้องไม่สูงเกินไป เพื่อเปิดทางให้ผู้มีรายได้น้อย ได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้ประโยชน์จาก 3G ต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยี ทั้งในด้านบวกและด้านลบ

ผู้จัดทำ นางสาวอนุสรา สีกา 49043494345
คอมพิวเตอร์ธุรกิจ

ที่มา : http://news.sanook.com/965831-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%893g1.html

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

ระบบสารสนเทศการผลิต (Manufacturing Information Systems)

ระบบสารสนเทศการผลิต (Manufacturing Information Systems)
ระบบสารสนเทศการผลิตช่วยสนับสนุนงานในด้านการผลิตและการดำเนินงาน รวมไปถึงงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการวางแผนและการควบคุมขั้นตอนของการผลิตสินค้าและบริการ ดังนั้นหน้าที่ในการผลิตและการดำเนินงานจึงเกี่ยวข้องกับการจัดการของระบบและกระบวนการผลิต ระบบสารสนเทศใช้เพื่อการจัดการด้านการดำเนินงานและการติดต่อดำเนินงานเพื่อสนับสนุนหน่วยงาน ซึ่งจะต้องมีการวางแผน และควบคุมสินค้าคงคลัง การจัดซื้อ และการไหลเวียนของสินค้าและบริการ
คอมพิวเตอร์ช่วยการผลิตแบบบูรณาการ (Computer-integrated Manufacturing : CIM)
ระบบสารสนเทศด้านการผลิตที่มีความหลากหลาย ได้ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตแบบบูรณาการ เพื่อสนับสนุน ดังรูปที่ 10.12 ซึ่งเป็นแนวคิดในภาพรวมที่เน้นในเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ในการผลิต จะต้องมีเป้าหมายดังนี้
• ความง่าย ( Simplify) ในการรื้อปรับระบบ (Reengineering) ทำให้กระบวนการผลิต การออกแบบผลิตภัณฑ์ และโครงสร้างของโรงงานเป็นพื้นฐานที่สำคัญของระบบอัตโนมัติและบูรณาการ ให้มีใช้งานได้ง่ายขึ้น
• อัตโนมัติ (Automate) ทำให้เป็นอัตโนมัติด้วยการสนับสนุนด้วยคอมพิวเตอร์ เครื่องจักร และหุ่นยนต์ ช่วยในงานด้านกระบวนการผลิต การออกแบบผลิตภัณฑ์ และงานด้านธุรกิจ
บูรณาการ (Integrated) การใช้คอมพิวเตอร์ เครือข่ายโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆ ช่วยในงานด้านการผลิตและกระบวนการสนับสนุนการผลิต


คอมพิวเตอร์ช่วยการผลิตแบบบูรณาการ (Computer-Integrated Manufacturing )

รูปที่ 10. 12 ระบบสารสนเทศการผลิตที่สนับสนุนการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยการผลิตแบบบูรณาการ

เป้าหมายโดยรวมของ CIM และระบบสารสนเทศโรงงาน คือ การสร้างกระบวนการทำงานของโรงงานให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัว โดยการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ดังนั้น ระบบ CIM จึงสนับสนุนแนวคิดเรื่องระบบการผลิตที่มีความยืดหยุ่น การผลิตที่มีความคล่องตัว และการจัดการคุณภาพโดยรวม (Total Quality Management)
ระบบสารสนเทศช่วยให้บริษัททำงานได้ง่าย เป็นอัตโนมัติ และผสมผสานงานที่ต้องการในการผลิตผลิตภัณฑ์ทุกชนิด เช่น คอมพิวเตอร์ถูกใช้เพื่อช่วยให้วิศวกรออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้นโดยใช้ทั้งคอมพิวเตอร์ช่วยในงานวิศวกรรม (Computer-aided Engineering : CAE) และคอมพิวเตอร์ช่วยงานออกแบบ (Computer-aided Design : CAD) พวกเขายังใช้ช่วยในการวางแผนประเภทของวัตถุดิบที่ต้องการในกระบวนการผลิต ที่เรียกว่า การวางแผนความต้องการด้านวัตถุดิบ (Material Requirements Planning - MRP) และการผสมผสาน MRP เข้ากับตารางการผลิต (Production Scheduling) และการจัดการด้านคนงาน (Shop Floor Operations) ซึ่งรู้จักกันในชื่อ การวางแผนทรัพยากรด้านการผลิต (Manufacturing Resource Planning)
คอมพิวเตอร์ช่วยงานด้านการผลิต (Computer-aided Manufacturing-CAM) เป็นระบบอัตโนมัติเพื่อช่วยในขั้นตอนการผลิต ระบบนี้สามารถทำให้สำเร็จได้ด้วยการตรวจตราและควบคุมกระบวนการผลิตในโรงงานผ่านระบบคอมพิวเตอร์ช่วยบริหารงานด้านการผลิต (Manufacturing Execution Systems - MES) หรือการควบคุมทางกายภาพโดยตรง ( การควบคุมการดำเนินงาน) เครื่องจักร ( ควบคุมเครื่องจักร) เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพการทำงานเหมือนคน ( หุ่นยนต์)
ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยบริหารงานด้านการผลิต ทำหน้าที่ในการดูแลระบบสารสนเทศสำหรับการบริหารงานในการผลิต ระบบนี้ทำการตรวจตรา ติดตาม และควบคุม 5 องค์ประกอบที่สำคัญในกระบวนการผลิตอันได้แก่ วัตถุดิบ เครื่องมือ บุคลากร การดำเนินงานตามขั้นตอนที่วางไว้ และ การกำหนดคุณลักษณะให้ตรงกับที่ต้องการ รวมทั้ง อำนวยความสะดวกในการผลิต MES ยังรวมไปถึงตารางการทำงานของคนงานและการควบคุม การควบคุมเครื่องจักร การควบคุมหุ่นยนต์ และ ระบบการควบคุมกระบวนการทำงาน ระบบการผลิตแบบนี้จะทำการตรวจตรา รายงาน และจัดระเบียบให้กับสถานภาพและการดำเนินงานขององค์ประกอบต่างๆในการผลิต เพื่อช่วยให้บริษัทได้รับกระบวนการผลิตที่มีความยืดหยุ่นและคุณภาพสูง
ผลตอบแทนที่ได้รับจากระบบคอมพิวเตอร์ในการผลิตแบบบูรณาการ (Computer-integrated Manufacturing System) สามารถให้ผลตอบแทนในการผลิตของบริษัทดังนี้ ข้อแรก ทำให้เกิดความยืดหยุ่นในการผลิตซึ่งทำให้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงตรงกับความเปลี่ยนแปลงทางการตลาดและความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ CIM ยังได้รับผลที่ดีจากระบบการทำงานที่ความสะดวกและเป็นระบบอัตโนมัติ การวางแผนตารางการผลิตที่ดีกว่า และ เกิดความสมดุลของปริมาณการผลิตกับประสิทธิภาพในการผลิต สิ่งเหล่านี้ได้ปรับปรุงการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในการผลิตและเพิ่มผลผลิตมากกว่าเดิม และการควบคุมคุณภาพที่ดีกว่ามาจากการตรวจตรา ผลสะท้อนกลับ และการควบคุมการดำเนินการของโรงงาน เครื่องจักร และหุ่นยนต์ให้เป็นเป็นประโยชน์ นอกจากนี้ ผลลัพธ์อีกประการของ CIM คือ การลดต้นทุนในการผลิตสินค้าคงคลังและความคล่องตัวผ่านการทำงานที่ง่ายขึ้น นโยบายสินค้าคงคลังแบบทันเวลา (Just-in-time) และการวางแผนที่ดีกว่าและการควบคุมการผลิต และทำให้สินค้าเสร็จตามต้องการ ท้ายสุด ความพอใจของลูกค้าได้ถูกปรับปรุงด้วยการผลิตอย่างรวดเร็วตามที่ลูกค้าสั่ง ลดสถานการณ์สินค้าขาดได้อย่างเห็นผล และผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงตรงความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น
เครือข่ายความร่วมมือในการผลิต (Collaborative Manufacturing Network)
กระบวนการผลิตเหมือนกับคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยงานวิศวกรรมและการออกแบบ การควบคุมการผลิต ตารางการผลิต และการบริหารด้านการจัดหาที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการความร่วมมือ การเพิ่มในเรื่องการใช้ อินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซ์ทราเน็ต และเครือข่ายอื่นๆเพื่อเชื่อมโยงกับสถานีงาน (Workstation) ของวิศวกร และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ กับเพื่อนร่วมงานในสาขาอื่นๆ เครือข่ายความร่วมมือในการผลิตนี้อาจเชื่อมโยงพนักงานในบริษัท รวมทั้งตัวแทนจากบริษัทผู้จัดหาสินค้าหรือลูกค้าไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใดก็ตาม
การควบคุมการดำเนินงาน (Process Control)
การควบคุมการดำเนินงานเป็นการใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อควบคุมการทำงานที่เห็นได้ทางกายภาพกระบวนการควบคุมการทำงานในเชิงกายภาพในการกลั่นน้ำมัน การผลิตซีเมนต์ การถลุงเหล็กกล้า การผลิตสารเคมี การผลิตอาหารจากโรงงาน การผลิตกระดาษ การผลิตกระแสไฟฟ้า และอื่นๆ โดยใช้อุปกรณ์ในการตรวจจับ (Sensing) เพื่อวัดคุณลักษณะทางกายภาพ เช่น อุณหภูมิ หรือการเปลี่ยนแปลงของแรงดัน ข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือวัดทางกายภาพนี้จะถูกแปลงไปเป็นรูปแบบดิจิตอล ด้วยเครื่องแปลงสัญญาณอนาลอก- ดิจิตอล และถ่ายทอดสัญญาณนี้ไปสู่คอมพิวเตอร์เพื่อการประมวลผล
ซอฟต์แวร์ที่ควบคุมการดำเนินงานใช้รูปแบบทางคณิตศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากกระบวนการที่กำลังดำเนินอยู่และเปรียบเทียบกับมาตรฐาน หรือคาดการณ์ผลลัพธ์ที่ต้องการ จากนั้นคอมพิวเตอร์จะสั่งการควบคุมกระบวนการโดยอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุม เช่น เทอร์โมสเตต (Thermostats) วาล์ว (Valves) สวิตช์ Switches) หรืออื่นๆ ระบบควบคุมการดำเนินงานนี้สามารถส่งข้อความหรือแสดงหน้าจอในการทำงาน ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมสามารถใช้มาตรการที่เหมาะสมในการควบคุมการทำงาน และยังสามารถจัดทำรายงานเพื่อวิเคราะห์ผลการปฏิบัติงานในการบวนการผลิตตามที่ต้องการอย่างสม่ำเสมอ
การควบคุมเครื่องจักรกล (Machine Control)
การควบคุมเครื่องจักรกลเป็นการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการควบคุมการทำงานของเครื่องจักรกล ที่รู้จักกันดีในนาม Numerical Control โดยแปลงข้อมูลทางเรขาคณิตจากการวาดภาพทางวิศวกรรมและขั้นตอนการทำงานจากการวางแผนการดำเนินงานไปสู่รหัสตัวเลขของชุดคำสั่งซึ่งควบคุมการทำงานของเครื่องจักร การควบคุมเครื่องจักรกลนี้ อาจรวมไปถึงการใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ เพื่อวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงที่เรียกว่า การควบคุมตรรกะคำสั่งในการทำงาน (Programmable Logic Controllers : PLCs) ช่วยวิศวกรปรับระดับการทำงานอย่างละเอียดของเครื่องมือเครื่องจักรกล
หุ่นยนต์ (Robotics)
การพัฒนาที่สำคัญในเรื่องการควบคุมเครื่องจักรและคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในอุตสาหกรรม คือ การสร้างสรรค์เครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงและหุ่นยนต์ อุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมการทำงานของสิ่งเหล่านี้ คือไมโครคอมพิวเตอร์ การศึกษาและระบบงานที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์นี้เป็นเทคโนโลยีของการสร้างและการใช้เครื่องจักร บวกกับ ความฉลาดของคอมพิวเตอร์ เพื่อควบคุมให้มีความสามารถทางกายภาพเหมือนมนุษย์ทั่วไป ( สมรรถภาพของการใช้มือ การเคลื่อนไหว การมองเห็น) ซึ่งกลายเป็นประเด็นหลักในการวิจัยและพัฒนาในสาขาปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI)
หุ่นยนต์ถูกใช้ในฐานะ " คนงานปกเสื้อเหล็ก” (Steel-collar Workers) ได้เพิ่มการผลิตและลดค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก เช่น หุ่นยนต์อาจคุมวาล์วความดันที่อัตรา 320 หน่วยต่อชั่วโมง ซึ่งเป็น 10 เท่าของแรงงานคน หุ่นยนต์ยังเป็นประโยชน์มากในด้านสิ่งที่เป็นพิษหรือของเสีย หุ่นยนต์ทำตามโปรแกรมที่กำหนดโดยแม่ข่ายและโหลดข้อมูลนั้นสู่ไมโครคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ การนำข้อมูลเข้านั้นได้จากการมองและหรือการสัมผัสตัวจับสัญญาณ (Sensor) เพื่อประมวลผลโดยไมโครคอมพิวเตอร์และแปลงเป็นการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ โดยทั่วไปมักจะเป็นการเคลื่อนไหวแขนและมือของหุ่นยนต์เพื่อจับขึ้น หรือยกของ หรือทำหน้าที่อื่นๆ ตามที่ได้รับคำสั่ง เช่น การวาดรูป การขุดเจาะ และการเชื่อมโลหะ จากการพัฒนาด้านการศึกษาและระบบงานที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ได้รับการคาดการณ์ไว้ว่าจะทำให้เกิดหุ่นยนต์ที่มี ความฉลาด ยืดหยุ่น และเคลื่อนไหวได้มากขึ้น โดยการปรับปรุงความสามารถในการคำนวณ การมองเห็น การสัมผัส และการกำหนดทิศทาง


รูปที่ 10. 16 การใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมแขนและมือของหุ่นยนต์เพื่อช่วยในการประกอบแผงวงจร (Circuit Board) ที่ Bell Laboratories


คอมพิวเตอร์ช่วยงานด้านวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering - CAE)
วิศวกรด้านการผลิตใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยงานด้านวิศวกรรม CAE สร้างแบบจำลองเพื่อการทดสอบ การวิเคราะห์ และการประเมินต้นแบบของการออกแบบผลิตภัณฑ์ซึ่งพวกเขาได้พัฒนาขึ้น โดยการใช้วิธีการด้านคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยในการออกแบบ (Computer Aided Design - CAD) ช่วยวิเคราะห์และออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมถึงกระบวนการผลิตในโรงงาน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่น CAD Package ช่วยในงานวาดภาพของวิศวกรและช่วยให้เกิดภาพกราฟิก 3 มิติซึ่งสามารถทำให้หมุนไปรอบๆ เพื่อที่จะมองวัตถุได้ทั้ง 3 ด้าน สามารถมองในระยะใกล้ เพื่อมองส่วนประกอบเฉพาะส่วนและสามารถแสดงการเคลื่อนไหวเหมือนกับการทำงานกับของจริง การออกแบบนี้สามารถแปลงไปสู่แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของผลงานที่ได้ทำสำเร็จแล้ว
ระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Information Systems: HRIS)
การจัดการด้านทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management) เกี่ยวข้องกับการจัดหา การทดสอบ การประเมินผล การจ่ายเงินค่าตอบแทน และการพัฒนาลูกจ้างขององค์กร เป้าหมายของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์คือการใช้ทรัพยากรบุคคลของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลที่สุด ดังนั้นระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรมนุษย์จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อสนับสนุน 1) การวางแผนความต้องการด้านบุคลากรให้ตรงกับความต้องการของบริษัท 2) พัฒนาพนักงานเพื่อให้เกิดศักยภาพสูงสุด 3) ควบคุมนโยบายและโปรแกรมด้านบุคคล


รูปที่ 10. 18 ระบบสารสนเทศทรัพยากรมนุษย์ได้สนับสนุนการใช้กลยุทธ์ เทคนิค และการดำเนินการด้านทรัพยากรมนุษย์ของบริษัท

ในยุคเริ่มต้นองค์กรธุรกิจใช้ระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นพื้นฐานในการ 1) ผลิตรายงานการจ่ายเงินค่าจ้างด้วยเช็คและการจ่ายเงินเดือน 2) ดูแลระเบียนของพนักงานแต่ละคน และ 3) วิเคราะห์การใช้บุคลากรในการดำเนินงานด้านธุรกิจ
หลายหน่วยงานได้ก้าวไปไกลกว่าการใช้งานการบริหารงานบุคคลในแบบเดิมนี้ และได้พัฒนาระบบสารสนเทศทรัพยากรมนุษย์ เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนในด้าน 1) การจัดหา การคัดเลือกและการจ้างบุคลากร 2) การมอบหมายงาน 3) การประเมินผลการปฏิบัติงาน 4) การวิเคราะห์ผลประโยชน์ของลูกจ้าง 5) การฝึกอบรมและการพัฒนา และ 6) สุขภาพ ความปลอดภัย และความมั่นคง ดูรูปที่ 10.18
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และ อินเทอร์เน็ต (HRM and Internet)
อินเทอร์เน็ตได้กลายมาเป็นส่วนผลักดันที่สำคัญของความเปลี่ยนแปลงในด้านการบริหารงานทรัพยากรมนุษย์ เช่น ระบบออนไลน์ของ HRM ได้เกี่ยวข้องกับการจัดหาลูกจ้างผ่านเว็บไซท์ของแผนกจัดหาลูกจ้างของบริษัท ใช้บริการและฐานข้อมูลของบริษัทจัดหางานบนเว็บ การประกาศ ( รับสมัครงาน) ผ่านกลุ่มข่าวบนอินเทอร์เน็ต (Newsgroup) และสื่อสารกับผู้สมัครงานผ่านไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail)
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และอินทราเน็ต (HRM and Intranet)
เทคโนโลยีอินทราเน็ตทำให้บริษัทสามารถทำระบบงานพื้นฐานเกือบทั้งหมดของงานด้าน HRM ได้บนอินทราเน็ตขององค์กร เพื่อการเสนอบริการไปสู่พนักงาน ซึ่งสามารถแพร่กระจายสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ได้รวดเร็วกว่าช่องทาง ( การสื่อสาร) อื่นๆของบริษัทในอดีตและสามารถรวบรวมสารสนเทศออนไลน์จากพนักงานเพื่อนำเข้าสู่แฟ้มข้อมูลของ HRM
ตัวอย่างเช่น ระบบงานบนอินทราเน็ตในเรื่องการให้บริการตัวเองของลูกจ้าง (Employee Self-service - ESS) จะช่วยให้พนักงานได้เห็นรายงานด้านผลประโยชน์และค่าใช้จ่าย ข้อมูลด้านการจ้างงานและเงินเดือน สามารถเข้าถึงและปรับปรุงสารสนเทศส่วนบุคคลให้เป็นปัจจุบัน พนักงานสามารถใช้เว็บบราวเซอร์ เพื่อค้นหาสารสนเทศออนไลน์ในเรื่องค่าตอบแทนส่วนบุคคล และผลประโยชน์ด้านสุขภาพ ฯลฯ
ประโยชน์อีกประการหนึ่งของอินทราเน็ต คือ ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการฝึกอบรมที่เก่งกว่า พนักงานสามารถรับทราบขั้นตอนในการทำงานและกระบวนการเพื่อให้ได้สารสนเทศหรือความรู้ที่ต้องการได้ง่าย
จำนวนบุคลากรขององค์กร (Staffing the Organization)
การทำงานของบุคลากรต้องได้รับการสนับสนุนจากระบบสารสนเทศ ซึ่งจะบันทึกและติดตามทรัพยากรบุคคลในบริษัทเพื่อทำให้เกิดการใช้งานสูงสุด เช่น ระบบการบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล เก็บข้อมูลจากการติดตามเพิ่มเติม ลบทิ้ง และเปลี่ยนแปลงระเบียนของพนักงานในฐานข้อมูลบุคลากร ความเปลี่ยนแปลงจากการมอบหมายงานและค่าตอบแทน หรือการจ้างและการเลิกจ้าง ล้วนแต่เป็นตัวอย่างของสารสนเทศที่จะถูกใช้เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลบุคลากรให้เป็นปัจจุบัน อีกตัวอย่างหนึ่งได้แก่ ระบบการตรวจสอบทักษะของพนักงานซึ่งใช้ข้อมูลด้านทักษะของพนักงานจากฐานข้อมูลบุคลากรเพื่อวางตำแหน่งพนักงานภายในบริษัท ซึ่งมีทักษะที่ต้องการสำหรับงานและโครงการเฉพาะทาง
ตัวอย่างสุดท้ายเกี่ยวข้องกับการคาดการณ์ด้านความต้องการบุคลากร ซึ่งบริษัทต้องได้รับการตอบสนองอย่างสมดุลในเรื่องทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพสูง ระบบงานนี้ช่วยให้การคาดการณ์ด้านความต้องการบุคลากรในแต่ละประเภทของงาน สำหรับแผนกของบริษัทที่มีหลากหลายหรือโครงการใหม่ๆ หรือ ความเสี่ยงอื่นๆ การวางแผนระยะยาวเช่นนี้ใช้รูปแบบจำลองของระบบคอมพิวเตอร์เพื่อประเมินแผนการอื่นๆ สำหรับแผนการในการจัดหา การมอบหมายงานใหม่และการฝึกอบรมใหม่
การพัฒนาและฝึกอบรม (Training and Development)
ระบบสารสนเทศช่วยให้ผู้จัดการด้านทรัพยากรมนุษย์วางแผนและดูแลการจัดหา การฝึกอบรม และโครงการพัฒนาพนักงานโดยการวิเคราะห์ความสำเร็จ จากการวางแผนในอดีตของโครงการในปัจจุบัน พวกเขายังวิเคราะห์สถานภาพการพัฒนาด้านอาชีพจากพนักงานเพื่อหาข้อสรุปว่าวิธีการพัฒนาเช่นโปรแกรมการฝึกอบรมและการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นอย่างไร โปรแกรมการฝึกอบรมด้วยการใช้มัลติมีเดียบนพื้นฐานของระบบคอมพิวเตอร์ และการประเมินผลการทำงานของลูกจ้างสามารถช่วยในเรื่องการจัดการทรัพยากรมนุษย์ได้
การวิเคราะห์ค่าตอบแทน (Compensation Analysis)
ระบบสารสนเทศเพื่อช่วยในการวิเคราะห์ขอบเขตและการกระจายของค่าตอบแทนของพนักงาน ค่าแรง เงินเดือน รายจ่ายพิเศษ และค่าตอบแทนอื่นๆ นอกเหนือจากเงินเดือน ภายในองค์กร เปรียบเทียบกับค่าตอบแทนที่จ่ายในองค์กรที่ทำงานคล้ายๆกัน หรือปัจจัยด้านเศรษฐศาสตร์ ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์กับการวางแผนเปลี่ยนแปลงในเรื่องค่าตอบแทน การต่อรองกับสหภาพแรงงาน ค่าใช้จ่ายของบริษัทคู่แข่ง และความสมเหตุสมผลของค่าตอบแทน
การรายงานต่อรัฐบาล (Governmental Reporting)
ในทุกวันนี้ ต้องมีการรายงานไปยังหน่วยงานของรัฐบาลที่มีความรับผิดชอบหลักในเรื่องการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ดังนั้น องค์กรเหล่านี้ใช้ระบบสารสนเทศเพื่อเก็บการติดตามด้านสถิติและการจัดทำรายงาน


รูปที่ 10. 23 ระบบสารสนเทศด้านบัญชีที่สำคัญสำหรับรายการเปลี่ยนแปลงด้านการประมวลผลและการรายงานด้านการเงิน โดยระบบเกี่ยวข้องซึ่งกันและกันในเรื่องการไหลเวียนของข้อมูลรับเข้าและผลลัพธ์

อ้างอิง ::http://www.no-poor.com/misandflash/mis_ch10.htm
นางสาวอนุสรา สีกา
49043494345
sec.01
วิชาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ

ระบบสารสนเทศการผลิต (Manufacturing Information Systems)

ระบบสารสนเทศการผลิต (Manufacturing Information Systems)


ระบบสารสนเทศการผลิตช่วยสนับสนุนงานในด้านการผลิตและการดำเนินงาน รวมไปถึงงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการวางแผนและการควบคุมขั้นตอนของการผลิตสินค้าและบริการ ดังนั้นหน้าที่ในการผลิตและการดำเนินงานจึงเกี่ยวข้องกับการจัดการของระบบและกระบวนการผลิต ระบบสารสนเทศใช้เพื่อการจัดการด้านการดำเนินงานและการติดต่อดำเนินงานเพื่อสนับสนุนหน่วยงาน ซึ่งจะต้องมีการวางแผน และควบคุมสินค้าคงคลัง การจัดซื้อ และการไหลเวียนของสินค้าและบริการ


คอมพิวเตอร์ช่วยการผลิตแบบบูรณาการ (Computer-integrated Manufacturing : CIM)

ระบบสารสนเทศด้านการผลิตที่มีความหลากหลาย ได้ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตแบบบูรณาการ เพื่อสนับสนุน ดังรูปที่ 10.12 ซึ่งเป็นแนวคิดในภาพรวมที่เน้นในเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ในการผลิต จะต้องมีเป้าหมายดังนี้

- ความง่าย ( Simplify) ในการรื้อปรับระบบ (Reengineering) ทำให้กระบวนการผลิต การออกแบบผลิตภัณฑ์ และโครงสร้างของโรงงานเป็นพื้นฐานที่สำคัญของระบบอัตโนมัติและบูรณาการ ให้มีใช้งานได้ง่ายขึ้น
- อัตโนมัติ (Automate) ทำให้เป็นอัตโนมัติด้วยการสนับสนุนด้วยคอมพิวเตอร์ เครื่องจักร และหุ่นยนต์ ช่วยในงานด้านกระบวนการผลิต การออกแบบผลิตภัณฑ์ และงานด้านธุรกิจ
บูรณาการ (Integrated) การใช้คอมพิวเตอร์ เครือข่ายโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆ ช่วยในงานด้านการผลิตและกระบวนการสนับสนุนการผลิต
บูรณาการ (Integrated) การใช้คอมพิวเตอร์ เครือข่ายโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นๆ ช่วยในงานด้านการผลิตและกระบวนการสนับสนุนการผลิต

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สอบแก้ตัวกลางภาค ความรู้

ความรู้คืออะไร (Knowledge Management)

ข้อมูลสารสนเทศผสมผสานกับประสบการณ์ ความรอบรู้ในบริบท การแปลความหมายและการแสดงความคิดเห็น โดยเป็นข้อมูลสารสนเทศที่มีคุณค่าสูง ที่พร้อมจะนำไป ประยุกต์ใช้ในการตัดสินใจ หรือใช้ในการทำงาน แม้ว่า ความรู้และข้อมูลข่าวสารสารสนเทศเป็นสิ่งที่แทบจะแยกกันไม่ออก แต่ทั้งสองสิ่งนี้มีค่าและเกี่ยวข้องกับบุคคลมากกว่าข้อมูลดิบ โดยเหตุที่มีความสำคัญดังกล่าวแทบทุกองค์กรจึงให้ความสนใจ เรื่องนี้ ด้วยการแสวงหาว่าความรู้คืออะไร จะสร้างและถ่ายทอดตลอดจนใช้ความรู้อย่างมีประสิทธิผลได้อย่างไร

Tacit Knowledge

ความรู้แบบฝังลึก (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่ไม่สามารถอธิบายโดยใช้คำพูดได้ มีรากฐานมาจากการกระทำและประสบการณ์ มีลักษณะเป็นความเชื่อ ทักษะ และเป็นอัตวิสัย (Subjective) ต้องการการฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญ มีลักษณะเป็นเรื่องส่วนบุคคล มีบริบทเฉพาะ (Context-specific) ทำให้เป็นทางการและสื่อสารยาก เช่น วิจารณญาณ ความลับทางการค้า วัฒนธรรมองค์กร ทักษะ ความเชี่ยวชาญในเรื่องต่างๆ การเรียนรู้ขององค์กร ความสามารถในการชิมรสไวน์ หรือกระทั่งทักษะในการสังเกตเปลวควันจากปล่องโรงงานว่ามีปัญหาในกระบวนการผลิตหรือไม่

Explicit Knowledge

ความรู้ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่รวบรวมได้ง่าย จัดระบบและถ่ายโอนโดยใช้วิธีการดิจิทัล มีลักษณะเป็นวัตถุดิบ (Objective) เป็นทฤษฏี สามารถแปลงเป็นรหัสในการถ่ายทอดโดยวิธีการที่เป็นทางการ ไม่จำเป็นต้องอาศัยการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเพื่อถ่ายทอดความรู้ เช่น นโยบายขององค์กร กระบวนการทำงาน ซอฟต์แวร์ เอกสาร และกลยุทธ์ เป้าหมายและความสามารถขององค์กร
ความรู้ยิ่งมีลักษณะไม่ชัดแจ้งมากเท่าไร การถ่ายโอนความรู้ยิ่งกระทำได้ยากเท่านั้น ดังนั้นบางคนจึงเรียกความรู้ประเภทนี้ว่าเป็นความรู้แบบเหนียว (Sticky Knowledge) หรือความรู้แบบฝังอยู่ภายใน (Embedded Knowledge) ส่วนความรู้แบบชัดแจ้งมีการถ่ายโอนและแบ่งปันง่าย จึงมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า ความรู้แบบรั่วไหลได้ง่าย (Leaky Knowledge) ความสัมพันธ์ของความรู้ทั้งสองประเภทเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน (Mutually Constituted) (Tsoukas, 1996) เนื่องจากความรู้แบบฝังลึกเป็นส่วนประกอบของความรู้ทั้งหมด (Grant, 1996) และสามารถแปลงให้เป็นความรู้แบบชัดแจ้งโดยการสื่อสารด้วยคำพูด
ตามรูปแบบของเซซี (SECI Model) (ของ Nonaka และ Takeuchi) ความรู้ทั้งแบบแฝงเร้นและแบบชัดแจ้งจะมีการแปรเปลี่ยนถ่ายทอดไปตามกลไกต่างๆ เช่น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การถอดความรู้ การผสานความรู้ และการซึมซับความรู้
การจัดการความรู้นั้นมีหลายรูปแบบ มีหลากหลายโมเดล แต่ที่น่าสนใจ คือ การจัดการความรู้ ที่ทำให้คนเคารพศักดิ์ศรีของคนอื่น เป็นรูปแบบการจัดการความรู้ที่เชื่อว่า ทุกคนมีความรู้ปฏิบัติในระดับความชำนาญที่ต่างกัน เคารพความรู้ที่อยู่ในคน เพราะหากถ้าเคารพความรู้ในตำราวิชาการอย่างเดียวนั้น ก็เท่ากับว่าเป็นการมองว่า คนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ เป็นคนที่ไม่มีความรู้

ตามรูปแบบดังกล่าว การสร้างความรู้เกิดขึ้นใน 4 ลักษณะ คือ Socialization, Externalization, Combination, และ Internalization สำหรับ Socialization คือ การแบ่งปันและสร้าง Tacit Knowledge ด้วยการสื่อสารระหว่างกันในสิ่งที่เป็น Tacit Knowledge ของผู้ที่สื่อสารกัน ซึ่งจะเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรง เช่น การมีปฏิสัมพันธ์ของบริษัทกับลูกค้าและผู้รับจ้างช่วง หรือลักษณะ "การจัดการด้วยการเดินเยี่ยมในที่ทำงาน" (Management by walking around, MBWA) เมื่อมีการแบ่งปันข้อมูลด้วยกระบวนการทางสังคมดังกล่าวแล้ว จะทำให้เกิดความคิด ใหม่ ๆ และความตระหนัก ถึงข้อมูลใหม่ ๆ ที่เปิดเผยออกมาและควรได้มีการเปลี่ยนให้เป็นรูปของภาษา ซึ่งก็คือ Explicit Knowledge กระบวนการลักษณะนี้เรียกว่า Externalization จากนั้น จะต้องมีการรวมตัวอย่างที่ได้เรียนรู้ของ Explicit Knowledge เข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้ใหม่จากการกระทำดังกล่าว ในขั้นนี้ระบบสารสนเทศจะมีบทบาทสำคัญมาก ลักษณะการสร้างความรู้ขั้นสุดท้าย คือ ขั้น Internalization ซึ่งเป็นการนำความรู้ไปปฏิบัติทำให้มีการแปลง Explicit Knowledge ให้เป็น Tacit Knowledge โดยจะมองเห็นเป็นเทคโนโลยี สินค้า บริการ และการแก้ไขปัญหาให้แก่ลูกค้า และการมีปฎิสัมพันธ์กับลูกค้าก็จะนำกระบวนการกลับไปสู่วงจรเดิม คือ ขั้นแรกของการสร้างความรู้ คือ Socialization อีก

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ซอฟต์แวร์ประมวลคำ

ซอฟต์แวร์ประมวลคำ

ซอฟต์แวร์ประมวลคำเป็นซอฟต์แวร์ในการนำตัวอักษรมาเรียงต่อเป็นคำ ประโยค หรือย่อหน้า คล้ายการใช้เครื่องพิมพ์ดีดพิมพ์ข้อความบนกระดาษ แต่ต่างกันที่ตัวอักษรที่ตัวอักษรที่พิมพ์หรือป้อนเข้าทางแผงแป้นอักขระจะเข้าไปเก็บอยู่ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถแก้ไขดัดแปลงได้ง่าย ภายใต้ข้อกำหนดของซอฟต์แวร์ผู้ใช้สามารถกำหนดปรับแต่งรูปแบบได้ตามต้องการ เช่น การกำหนดเส้นกั้นหน้าและกั้นหลัง กั้นบนและกั้นล่าง เมื่อมีการแก้ไขจนเป็นที่พอใจแล้วสามารถสั่งพิมพ์เอกสารออกทางเครื่องพิมพ์ได้หลายชุดตามที่ต้องการ เอกสารที่พิมพ์จากเครื่องพิมพ์จะมีคุณภาพดี ไม่มีรอยเปื้อนจากการแก้ไขดัดแปลง


รูปที่ 5.7 เป็นซอฟต์แวร์ประมวลคำที่พัฒนาโดยคนไทย ชื่อโปรแกรม “ปลาดาว”



รูปที่ 5.8 เป็นซอฟต์แวร์ของบริษัทไมโครซอฟต์ซึ่งเป็นที่นิยมใช้มากในปัจจุบัน


นอกจากนี้ยังสามารถเก็บบันทึกเอกสารนั้นเป็นแฟ้มในสื่อบันทึก เช่น แผ่นบันทึก เพื่อให้พกพาติดตัวไปใช้กับเครื่องอื่น แฟ้มเอกสารที่เก็บไว้แล้วนี้สามารถเรียกมาแสดงผลบนจอภาพเพื่อทำการดัดแปลงใหม่ได้อีกด้วย
ลักษณะการใช้งานซอฟต์แวร์ประมวลคำจะเป็นการเตรียมเอกสารที่มองเห็นงานพิมพ์ไปปรากฏที่จอภาพ ถ้าพิมพ์ผิดและต้องการแก้ไขเพิ่มหรือตัดทอนที่ตำแหน่งใด จะต้องเคลื่อนย้ายตัวชี้หรือตัวกะพริบบนจอภาพไปยังตำแหน่งนั้นเพื่อทำการแก้ไข เนื่องจากสามารถแทรกหรือลบตัวอักษรหรือข้อความได้ตลอด และโปรแกรมจะคงรูปแบบให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ จึงทำให้ไม่เสียเวลาและสิ้นเปลืองเหมือนการพิมพ์เอกสารด้วยเครื่องพิมพ์ดีด ซึ่งถ้ามีข้อผิดพลาดจะต้องพิมพ์ใหม่

ซอฟต์แวร์ประมวลคำ มีคุณสมบัติเด่นกว่าการเตรียมเอกสารด้วยเครื่องพิมพ์ดีดหลายประการ อาจจะสรุปได้ดังนี้
1) สามารถควบคุมสั่งจัดวางรูปแบบเอกสารได้ใหม่ตามต้องการ โดยจะพิมพ์ผลลัพธ์ออกมาตามรูปแบบที่กำหนด เช่น การกำหนดจำนวนตัวอักษรในแต่ละบรรทัด การกำหนดตำแหน่งเริ่มต้นและตำแหน่งบรรทัด เป็นต้น
2) ช่วยควบคุมให้แก้ไขดัดแปลงข้อความเป็นกลุ่ม คือ สามารถสั่งทำการลบ เคลื่อนย้าย หรือสำเนาข้อความ เป็นคำ ประโยค หรือย่อหน้า จากตำแหน่งหนึ่งไปยังตำแหน่งอื่นของเอกสารได้ง่าย
3) สามารถควบคุมการแสดงตัวอักษรของข้อความที่อาจเป็นตัวเข้ม ตัวหนา ตัวเอียง และขีดเส้นใต้ ที่ตำแหน่งต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ การพิมพ์เอกสารออกทางเครื่องพิมพ์จะได้แบบของตัวอักษรที่สวยงามตามต้องการ
4) เอกสารที่จัดเตรียมไว้ สามารถทำการจัดเก็บลงในแผ่นบันทึกในรูปของแฟ้มข้อมูล และสามารถเรียกแฟ้มนั้นจากแผ่นบันทึกกลับมาลงหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อทำการแก้ไขข้อความบนจอภาพได้ทันที
5) มีคำสั่งในการเรียกค้นคำ หรือ ข้อความที่มีอยู่ในเอกสารได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้สามารถแก้ไขดัดแปลงได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น นอกจากการเรียกค้นแล้ว ยังสามารถสั่งให้มีการแทนที่คำหรือข้อความเดิมด้วยข้อความใหม่ได้ทันทีอย่างอัตโนมัติ เช่น การเปลี่ยนข้อความจาก “คอมพิวเตอร์” เป็น “ไมโครคอมพิวเตอร์” ในทุก ๆ แห่งที่พบในเอกสารนั้น เป็นต้น
6) มีคุณสมบัติให้สามารถทำการเชื่อมแฟ้มข้อความ ที่อาจเป็นจดหมายกับแฟ้มข้อมูลที่เป็นชื่อหรือที่อยู่บริษัท เพื่อทำการพิมพ์เอกสารลักษณะแบบเดียวกันหลายๆชุดพร้อมกัน เช่น การส่งจดหมายเชิญประชุมถึงผู้จัดการบริษัทต่าง ๆจำนวนมาก โดยเนื้อหาของข้อความในจดหมายทุกฉบับเหมือนกัน ต่างกันที่ชื่อบริษัท ซอฟต์แวร์ประมวลคำจะพิมพ์จดหมายให้เองครบทุกฉบับด้วยการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทเท่านั้น

ลักษณะพิเศษที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นเกณฑ์มาตรฐานทั่วไปของซอฟต์แวร์ประมวลคำ ในปัจจุบันซอฟต์แวร์ได้มีการพัฒนาให้ทำงานได้มากขึ้น ใช้งานได้สะดวกขึ้น ซอฟต์แวร์ประมวลคำยุคใหม่ก็ได้มีการพัฒนาเพิ่มคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมาก คุณลักษณะที่เพิ่มขึ้น ได้แก่
1) การช่วยงานด้านการตรวจสอบตัวสะกด โดยเปรียบเทียบข้อมูลกับพจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ที่เก็บในรูปของแฟ้ม ถ้ามีการสะกดผิดก็จะมีคำที่คาดว่าถูกต้องแสดงให้เลือกพิจารณานำมาแทนที่
2) การแสดงความหมายของคำต่าง ๆ ที่มีเก็บในพจนานุกรมเรียบร้อยแล้ว และการเลือกคำพ้องความหมายมาแทนที่คำเดิม
3) การสร้างข้อมูลในรูปแบบตารางได้ง่ายและสะดวก
4) การนำรูปภาพมาผสมรวมกับข้อมูลที่มีแต่ตัวอักษร โดยจะทำงานอยู่ในภาวะกราฟิก พิมพ์ได้ทั้งตัวอักษรและรูปภาพ เราสามารถเลือกชุดแบบตัวอักษรได้หลายแบบ
5) การช่วยงานด้านการตรวจสอบรูปแบบของประโยคซึ่งจะเป็นการตรวจสอบไวยากรณ์ทางภาษา และวิเคราะห์ความน่าอ่านหรือความสละสลวยของเอกสาร วิธีการของการตรวจสอบนี้จะใช้หลักวิชาทางปัญญาประดิษฐ์ว่าด้วยกฎและข้อเท็จจริงของภาษาศาสตร์ ซึ่งรูปแบบของประโยคที่โปรแกรมสามารถวิเคราะห์ได้ในปัจจุบัน จะยังอยู่ในวงจำกัดเฉพาะที่ใช้งานในวงการบริหารธุรกิจเท่านั้น

ประโยชน์ของโปรแกรมประมวลผลคำ
1. ช่วยให้การจัดเก็บและค้นหาเอกสารมีความรวดเร็วมากขึ้น เพราะงานเอกสารต่างๆ จะถูกจัดเก็บเป็นแฟ้มข้อมูลลงใน สื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ สาารถค้นหาและเรียกใช้งานด้สะดวกและรวดเร็ว
2. ช่วยลดปริมาณกระดาษที่จัดเก็บทำให้ประหยัดพื้นที่ในการเก็บเอกสาร เพราะเอกสารจะถูกจัดเก็บอยู่ในสื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ ที่มีขนาดเล็กแต่มีความจุในการเก็บข้อมูล ได้เป็นจำนวนมาก
3.ช่วยลดขั้นตอนในการจัดทำเอกสาร เช่น ถ้าต้องการส่งจดหมายที่มีข้อความเหมือนกันไปให้ผู้รับจดหมายเป็นจำนวนมากอาจ ทำได้โดยการจัดทำจดหมายเวียน ซึ่งมีขั้นตอนการทำที่สะดวกและรวดเร็ว ซึ่งถ้าหากใช้เครื่องพิมพ์ดีดก็อาจจะต้องเสียเวลาในการจัดทำมาก
4. ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดพิมพ์เอกสาร
5. ช่วยสร้างเอกสารให้มีความสวยงาม ทั้งนี้เพราะผู้ใช้สามารถนำรูปภาพ รูปวาด ภาพกราฟิกต่าง ๆ มาแทรกลงในเอกสารได้โดยตรง
6. ช่วยให้การทำงานกับเอกสารถูกต้องและมีข้อผิดพลาดลดน้อยลง เพราะผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารได้โดยตรงบนหน้าจอจนพอใจ จึงจะสั่งพิมพ์เอกสารออกทางเครื่องพิมพ์ได้ หรือาจใช้ระบบการตรวจสอบคำผิดแบบอัตโนมัติ ในการตรวจสอบการสะกดคำหรือไวยากรณ์ของภาษาได้



แหล่งอ้างอิง : http://krusunanta.net/main/chapter5/chapter5-sub4
http://neung.kaengkhoi.ac.th/software/softword.html

ผู้จัดทำ : นางสาวอนุสรา สีกา 49043494345
sec.01 ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ

วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การดู Spec Notebook สำหรับมือใหม่

การดู Spec Notebook สำหรับมือใหม่


ในบทความนี้จะแนะนำแค่คราวๆไม่ถึงกับลงลึกไปว่า งานนี้ควรจะใช้ซีพียูอะไร เพียงแต่แนะนำพอรู้ถึงกลุ่มต่างๆเท่านั้นนะคะไปดูทีละส่วนกันเลย

CPU

คือหน่วยประมวลผลเปรียบเหมือนสมองกลของคอมพิวเตอร์ บางท่านอาจจะคิดว่ามันเป็นกล่องสี่เหลี่ยมรึเปล่า แต่ไม่ใช่อย่างนั้น CPU คือ Chip ขนาดประมาณ 1นิ้ว x 1 นิ้ว ใหญ่ว่า หรือ เล็กกว่า (แล้วแต่ Model) โดยในโน๊ตบุ๊กนั้นแม้จะไม่ค่อยนิยมเปลี่ยนซีพียูเองเท่าไรเพราะ หาซื้อยาก มีราคาสูง และอาจจะกระทบกับการรับประกันได้ แต่ก็มีหลายๆท่าน ลองเปลี่ยนดูมาแล้วนะคะ


ปัจจุบันมีผู้ผลิต CPU Notebook รายใหญ่อยู่แค่ 2 บริษัท คือ AMD และ Intel ซึ่งส่วนมาก Intel จะครองตลาดซะมากกว่า โดยจะแบ่งได้หลายระดับที่นิยมและมีขายในตอนนี้ทั้ง
•Intel Atom นิยมใช้ใน Netbook เพราะขนาดที่เล็กและราคาที่ไม่แพงรองรับการใช้งานเป็นอย่างดี ในการใช้งานเบาๆ
•Pentium Dual Core ซีพียู 2 Core ระดับเริ่มต้น มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับสูงแต่ไม่สูงเท่า Core2Duo รองรับการทำงานที่หนักขึ้นมาจาก Netbook
•Core 2 Duo ซีพียู 2 Core ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพที่อยู่ในระดับดี สามารถใช้งานหนักร่วมไปถึงเล่นเกมส์ได้ดีพอสมควร ตามระดับความเร็วของซีพียู โดยจะแบ่งเป็น 2 Series ทั้ง T Series ในแพลตฟอร์มเซนทริโน 1 และ P Series ในแพลตฟอร์มเซนทริโน 2
•Core 2 Quad ซีพียูในระดับ 4 Core สามารถประมวลผลหนังๆเล่นเกมส์ได้สบาย แต่ด้วยราคาที่ยังสูงอยู่จึงนิยมใช้ในเครื่องที่มีราคาสูงๆทั้งนั้น

Chipset

คือส่วนที่ค่อยควบคุม อุปกรณ์แทบทั้งหมดของเครื่อง หรือเรียกได้ว่าเป็นตัวประสานงานต่างๆขอบอุปกรณ์บนเมนบอร์ดก็ว่าได้ ตั้งแต่ซีพียู แรม …. ไปจนถึงพอร์ตต่างๆ ล้วนแต่พึ่งพา ชิปเซ็ตทั้งนั้น มีผู้ผลิตชิปเซ็ตก็มีทั้ง Intel ซึ่งจัดได้ว่าเป็นผู้ผลิตชิปเซ็ตรายใหญ่ที่สุด โดยจะผลิตชิปเซ็ตมารองรับซีพียูของตนเองเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว พอซีพียูรุ่นใหม่ออกก็จะผลิตชิปเซ็ตออกมารองรับทันทีทันใด แน่นอนว่าซีพียูเป็นของ Intel เกือบทั้งหมด ชิปเซตเอง Intel ก็กินส่วนแบ่งเกือบทั้งหมด แต่ก็มียี่ห้ออื่นๆที่หลุดๆมาบ้างทั้ง AMD ที่เหมือนๆกับ intel คือผลิตชิปเซ็ตให้ซีพียูตนเองเป็นหลัก นอกเหนือจากนั้นก็มีทั้ง NVIDIA, SIS, VIA



Graphic Chip

คือหน่วยที่ประมวลผลด้านภาพออกมาแสดงทางจอ มีด้วยกัน 2 ประเภทคือ Onboard ที่จะรวมภาคประมวลผลภาพของการจอลงในชิปเซ็ตของเครื่องด้วย และแน่นอนว่ายังคงเป็นของ Intel เสียส่วนใหญ่ ความสามารถนั้นก็ถือว่าเป็นในระดับล่าง ใช้งานทั่วไป ดูหนัง เล่นเกมส์ที่ความละเอียดไม่สูงมากได้บ้าง
อีกชนิดหนึ่งคือแยกชิปเซ็ตแยกจากชิปเซ็ตหลัก มีทั้งแบบเป็นการ์ด และแบบที่เป็นชิปเซ็ตฝังบนเมนบอร์ดเลย โดยมีบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ 2 ราย คือ ATI และ NVIDIA ความสามารถต่างๆ นาๆ นั้นก็จะขึ้นอยู่กับราคา ยิ่งแพงการประมวลผลด้านภาพก็จะยิ่งดี ยิ่งเล่นเกมส์ ดูหนัง Hi-Def ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รุ่นยอดฮิตในไทยก็ได้แก่

NVIDIA
•9300M GS (ระดับล่าง พอเล่นเกมส์ได้นิดหน่อย)
•9600M GT (ระดับกลาง สามารถเล่นเกมส์ดูหนังได้ดีในระดับหนึ่งเลย)
•ส่วนรุ่นใหญ่กว่านั้นก็มี แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไรเพราะมีราคาสูงมากเกินไป

ATI
•Series 3xxx เป็นรุ่นที่ไม่เก่ามากยังมีขายอยู่ เรียงลำดับตามประสิทธิภาพตั้งแต่ล่างสุดไปบนสุดได้แก่ 3410 > 3450 > 3470 > 3650 > 3670
•Series 4xxx เป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่งออกมา มีประสิทธิภาพที่ดีทีเดียวเลย และคาดว่าจะมีอีกหลายๆรุ่นตามมา ได้แก่ 4570 > 4650

Display

คือส่วนที่เป็นจอภาพ โดยจอภาพนั้น จะมีขนาดเล็กๆตั้งแต่ 7 นิ้ว ไปจนถึง ใหญ่ๆ 18 – 20 นิ้วกันเลยทีเดียว ตามความต้องการเช่นใครต้องการพกพาสะดวกก็ดูรุ่นที่จอเล็กๆหน่อย แต่ถ้าใครซื้อไปเป็นเครื่อง PC สำหรับดูหนังเล่นเกมส์แบบว่าไม่ค่อยได้ยกไปไหนมาไหน จะซื้อรุ่นที่จอใหญ่ๆก็ตามชอบเลยครับ และอีกสิ่งที่เป็นข้อสังเกตุคือ Resolution ยิ่งมีค่าสูงจอภาพก็จะมีความละเอียดมาก เช่น จอที่ไว้ดูหนัง Hi-Def โดยเฉพาะ จะอยู่ที่ 1920×1080 ซึ่งจะพบได้ใน Notebook ระดับ Hi-End ราคาสูง

1920×1080

Memory

เป็นหน่วยความจำชั่วคราวสำหรับเป็นที่พักข้อมูลยิ่งมีความจุสูงก็จะยิ่งทำให้ Notebook สามารถทำงานได้ลื่นไหลมากขึ้น และความเร็วของแรมเช่น 667 800 MHz นั้นยิ่งมากก็จะยิ่งทำให้เครื่องทำงานได้ไวสอดคล้องกับซีพียูมากขึ้น ส่วนมากของโน๊ตบุ๊กในปัจจุบันใช้ RAM DDR2 ที่มีราคาถูก แต่ล่าสุดก็ได้มี RAM DDR3 แล้วซึ่งจะทำงานเร็วกว่าเดิมถึง 2 เท่า แต่ยังไม่นิยมเพราะยังมีราคาแพงกว่า DDR2 อีกทั้งชิบเซตที่รองรับก็ยังมาน้อย ตอนนี้ที่เห็นชัดเจนก็แค่ชิปเซ็ตของอินเทลเซนทริโน 2 เท่านั้น โดยการเลือกใช้นั้นด้วยราคาแรมในปัจจุบันที่ถูกลงมามาก แรมก็ไม่ควรต่ำกว่า 2 GB เป็นอย่างน้อย เพราะในระดับนี้จะทำอะไร เล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง ทำงาน ในเครื่องสามารถใช้งานได้สบายๆแล้ว
Hard Disk

เป็นหน่วยความจำหลักที่จะบรรจุซอฟแวร์ต่างๆไว้ในนี้ ถ้า Hard Disk มีความจุมากก็จะทำให้มีพื้นที่ในการเก็บข้อมูลต่างๆเช่น หนัง เพลง มาก จนไม่ต้องกลัวว่าจะเต็มๆ ในเครื่องปัจจุบันที่ขายกันทั่วๆไปต่ำๆก็จะมีมาให้ 160 GB เพียงพอสำหรับเก็บข้อมูลได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ๆเป็นประจำ ก็ไม่ควรน้อยกว่า 250 GB อีกทั้งยังมาฮาร์ดดิสค์อีกประเภทที่กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นคือชนิด Sloid-State Drives (SSD) เป็นฮาร์ดดิสค์ที่ใช้ IC Chip มาบันทึกข้อมูลแทน แบบจานหมุนในฮาร์ดดิสค์ทั่วไป ซึ่งทั้งเร็วและมีความคงทนสูงกว่าฮาร์ดดิสค์แบบธรรมดาที่เราใช้กันอยู่ แต่ก็มีราคาสูงตามไปด้วย เริ่มนิยมใช้กันแพร่หลายมากขึ้นตั้งแต่ความจุน้อยๆเช่น 8 GB ใน Aspire ONE ไปจนถึงเครื่องระกับ Hi End เลยทีเดียว

Drive

มีหลายชนิดมากมายเลยค่ะ ที่นิยมนำมาลง Notebook มากที่สุดตอนนี้ก็คงเป็น
DVD Writer (Dual Layer Support) ที่สามารถ อ่าน-เขียนแผ่น DVD ก็จะมีตั้งแต่เขียนได้ 8X 16X 20X ครับ ส่วน Drive ที่มาแรงคงหนีไม่พ้น Blu-Ray ที่มีขนาดบรรจุถึง 27 G อัตราการโอนถ่ายข้อมูลเร็วถึง 36 Mbps แต่ติดที่ยังราคาแพงอยู่ แต่ในอนาคตไดร์ฟและแผ่นแบบ Blu-Ray จะเข้ามาเป็นมาตฐานใหม่แทน DVD ในไม่ช้านี้แน่นอน




แหล่งอ้างอิง :http://notebookspec.com/web/?p=290


ผู้จัดทำ : นางสาวอนุสรา สีกา 49043494345

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Tree Topology

รูปแบบและหลักการทำงาน

การเชื่อมต่อแบบต้นไม้ (Tree Topology) รูปแบบการเชื่อมต่อของเครือข่ายโทโพโลยีแบบสมบูรณ์ (full connected or complete topology) เป็นการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเครือข่ายเข้าด้วยกันแบบจุดต่อจุด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ทุกๆ ตัว มีสายหรือสื่อส่งข้อมูลต่อเฉพาะระหว่างอุปกรณ์แต่ละตัว ทำให้มองดูเหมือนกับว่าระหว่างอุปกรณ์ 2 ตัวมีถนนที่ใช้เฉพาะ 2 อุปกรณ์นั้นๆ ดังนั้นถ้าเรามีอุปกรณ์ n ตัว แต่ละตัวต้องมีช่องทางสื่อสาร (channel) เท่ากับ n- 1 ช่อง และมีช่องทางทั้งหมดในเครือข่ายเท่ากับ n ( n-1)/2 ช่อง




การทำงาน

การเชื่อมต่อแบบต้นไม้ (Tree Topology) พัฒนามาจากการเชื่อมต่อแบบดาว ซึ่งมีลักษณะการเชื่อมต่อเหมือนกันแต่ต่างกันในการเพิ่มจุดศูนย์กลาง ซึ่งนิยมเพิ่มจำนวนฮับ เพราะมีราคาถูกกว่าเพิ่มเครื่องแม่ข่ายและสามารถเชื่อมต่อจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้มากและส่งสัญญาณได้ไกลยิ่งขึ้น เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ การจัดส่งข้อมูลสามารถส่งไปถึงได้ทุกสถานี การสื่อสารข้อมูลจะผ่านตัวกลางไปยังสถานีอื่น ๆ ได้ทั้งหมด เพราะทุกสถานีจะอยู่บนทางเชื่อม รับส่งข้อมูลเดียวกัน โดยมีสายนำสัญญาณแยกออกไปเป็นแบบกิ่งไม่เป็นวงรอบ เครือข่ายแบบนี้จะเหมาะกับการประมวลผลแบบกลุ่มจะประกอบด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับต่างๆกันอยู่หลายเครื่องแล้วต่อกันเป็นชั้น ๆ ดูราวกับแผนภาพองค์กร แต่ละกลุ่มจะมีโหนดแม่ละโหนดลูกในกลุ่มนั้นที่มีการสัมพันธ์กัน การสื่อสารข้อมูลจะผ่านตัวกลางไปยังสถานีอื่นๆได้ทั้งหมด เพราะทุกสถานีจะอยู่บนทางเชื่อม และรับส่งข้อมูลเดียวกัน ดังนั้นในแต่ละกลุ่มจะส่งข้อมูลได้ทีละสถานีโดยไม่ส่งพร้อมกัน

อุปกรณ์ที่ใช้

1. ฮับ




2.สายส่งสัญญาณ

3.เครื่องลูกข่าย



ข้อดี - ข้อเสีย

ข้อดี

- มีความเร็วในการสื่อสารข้อมูลสูง โปรแกรมที่ใช้ในการควบคุมการสื่อสารก็เป็นแบบพื้นฐานไม่ซับซ้อนมากนัก
- สามารถรับส่งข้อมูลได้ปริมาณมากและไม่มีปัญหาเรื่องการจัดการการจราจรในสื่อส่งข้อมูลไม่เหมือนกับแบบที่ใช้สื่อส่งข้อมูลร่วมกัน
- มีความทนทานต่อความเสียหายเมื่อสื่อส่งข้อมูลหรือสายใดสายหนึ่งเสียหายใช้การไม่ได้ ไม่ส่งผลต่อระบบเครือข่ายโดยรวม แต่เกิดเสียหายเฉพาะเครื่องต้นสายและปลายสายเท่านั้น
- ระบบเครือข่ายมีความปลอดภัยหรือมีความเป็นส่วนตัว เมื่อข่าวสารถูกรับส่งโดยใช้สายเฉพาะระหว่าง 2 เครื่องเท่านั้น เครื่องอื่นไม่สามารถเข้าไปใช้สายร่วมด้วย
- เนื่องจากโทโพโลยีแบบสมบูรณ์เป็นการเชื่อมต่อแบบจุดต่อจุด ทำให้เราสามารถแยกหรือระบุเครื่องหรือสายที่เสียหายได้ทันที ช่วยให้ผู้ดูแลระบบแก้ไขข้อผิดพราดหรือจุดที่เสียหายได้ง่าย

ข้อเสีย

- จำนวนสายที่ใช้ต้องมีจำนวนมากและอินพุด / เอาต์พุตพอร์ต (i / o port ) ต้องใช้จำนวนมากเช่นกัน เพราะแต่ละเครื่องต้องต่อเชื่อมไปยังทุก ๆ เครื่องทำให้การติดตั้งหรือแก้ไขระบบทำได้ยาก
- สายที่ใช้มีจำนวนมาก ทำให้สิ้นเปลืองพื้นที่ในการเดินสาย
- เนื่องจากอุปกรณ์ต้องการใช้อินพุด / เอาต์พุตพอร์ตจำนวนมาก ดังนั้นราคาของอุปกรณ์ต่อเชื่อมจึงมีราคาแพงและจากข้อเสียข้างต้นทำให้โทโพโลยีแบบสมบูรณ์จึงถูกทำไปใช้ค่อนข้างอยู่ในวงแคบ

ความคิดเห็น

คิดว่าถ้าให้เลือกแบบบัสกับแบบสตาร์ จะเลือกแบบสตาร์เพราะ
1.การเชื่อมต่อแบบดาวง่ายต่อการดูแลรักษา ตรวจสอบ และเพิ่มจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
2.ถ้าต้องการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ก็สามารถทำได้ง่ายและไม่กระทบต่อเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ในระบบ

แหล่งที่มา :

http://www.skn.ac.th/
http://www.it-instructor.com